MGR Online - กองปราบปรามชงตั้งคณะกรรมการสอบสวนคดี “เสรีพิศุทธ์” และบริษัท ฟ้าคุ้ม รวม 8 ราย วิจารณ์ คสช. เข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ และเปิดสถานีโดยไม่ได้รับอนุญาต
วันนี้ (23 พ.ย.) ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พ.อ.นรินทรักษ์ เชษฐศิริ รอง ผบ.ส.1 อาศัยอำนาจตามคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ลงวันที่ 1 เมษายน 2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของรัฐ ประกอบรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 มาตรา 44 นำกำลังเข้าตรวจค้นสถานีวิทยุโทรทัศน์ ฟ้าให้ทีวี (Fahai TV) ตั้งอยู่เลขที่ 45/410-411 ซอยบอนด์สตรีท ถนนติวานนท์ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังพบว่ามีการออกอากาศรายการทีวีรายการหนึ่ง (คุยสบายสไตล์รองฯ แดง) ซึ่งมีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดสถานี ก่อนจะเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด 8 ราย โดยเป็นนิติบุคคล 1 ราย ประกอบด้วย 1. บริษัท ฟ้าคุ้ม จำกัด 2. น.ส.พรทิพา สุพัฒนุกูล หรือดีเจฟ้า อดีตผู้จัดรายการช่อง 13 สยามไท 3. นายชัยวัฒน์ จันทร์เต็ม 4. นายขุนน้ำ เนรัญชรา 5. นายณรงค์ฤทธิ์ ภู่ทวี 6.นายวริศ อาคำ 7. นายปัณณธร รัตน์ภูริเดช หรือดีเจปันปัน และ 8. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดและเตรียมยื่นเรื่องให้ พ.ต.ท.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รักษาการ ผกก.2 บก.ป.เสนอให้ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.ตั้งคณะกรรมการสอบสวนในคดีดังกล่าว เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นถึง อดีต ผบ.ตร. ทั้งนี้ หมายเรียกที่จะให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และนายปัณณธร มารับทราบข้อกล่าวหานั้นคงต้องชลอไว้ก่อน โดยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่จะตั้งขึ้นมาเป็นผู้พิจารณาอีกครั้ง
ส่วนคดีนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ ที่ พ.อ.บุรินทร์มาร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติมนั้น พนักงานสอบสวนยังต้องตรวจสอบข้อความเสียงและภาพในคลิปที่ได้รับมอบมาอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเข้าข่ายในฐานความผิดดังกล่าวหรือไม่ ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ โดยต่อนี้ไปจะต้องให้คณะกรรมการสอบสวนที่เสนอผู้บังคับบัญชาตั้งขึ้นเป็นผู้พิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้ง เพราะเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มในคดีดังกล่าว หลังก่อนหน้านี้ได้เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.ในส่วนความผิดของการเปิดสถานีและใช้เครื่องวิทยุโดยไม่ได้รับอนุญาต