MGR Online - “ฐิติราช” เผยตำรวจ 4 นายสังกัด บช.ก.ลาออกได้ตามความสมัครใจหากมีหลักฐานพาดพิงใครกระทำความผิดคดีหมิ่นสถาบันขอศาลออกหมายจับได้ แนวทางสืบสวนระบุตำรวจยศ พ.ต.อ.สมคบ “สารวัตรเอี๊ยด” รับผลประโยชน์
วันนี้ (17 พ.ย.) ที่กองปราบปราม พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ พ.ต.อ.ศิวพงษ์ พัฒน์พงศ์พานิช รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ธรรมวัฒน์ หิรัณยเลขา รอง ผกก.2 บก.ป. และ พ.ต.ท.จีรวัฎฐ์ บุญวัฒนาภรณ์ สว.ทล.2 กก.1 บก.ทล. ที่เป็น 4 ใน 8 นายตำรวจที่ถูกคำสั่งย้ายให้ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปก.บชก.) เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมาโดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม ได้สมัครใจยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการว่า ได้เซ็นอนุมัติให้ทั้งหมดลาออกจากราชการซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมาเนื่องจากเป็นสิทธิที่สามารถดำเนินการได้
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดีความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้น ในทางการสืบสวนสอบสวนก็คงต้องดำเนินการต่อไป ไม่เกี่ยวข้องกับการที่นายตำรวจทั้ง 4 นายได้ขอลาออกจากราชการ โดยหากพบพยานหลักฐานว่าทั้งหมดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดด้วยก็จะมีการขออนุมัติศาลออกหมายจับ แต่หากพยานหลักฐานไปไม่ถึงก็คงไม่สามารถขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาได้ ยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดว่าไปตามพยานหลักฐานในคดี หากถึงใครก็จะต้องถูกดำเนินคดีทุกราย
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกรณีที่ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีหมิ่นเบื้องสูง พบหลักฐานว่ามีนายตำรวจยศพันตำรวจเอก (พ.ต.อ.) รู้เห็น หรือร่วมกับ พ.ต.ต.ปรากรม กระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นการนำรถยนต์ที่ตรวจยึดเป็นของกลางจากเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.มาใช้งาน มีการเบิกอาวุธปืน และวิทยุสื่อสารมาให้ พ.ต.ต.ปรากรม รวมถึงการเรียกรับผลประโยชน์จากสถานบันเทิงนั้น ทั้งหมดยังเป็นเพียงข้อมูลตามแนวทางการสืบสวนเท่านั้น แต่ยังไม่พบหลักฐานที่ชี้ชัด