รรท.ผบก.ปคม.แถลงจับนายหน้าค้ามนุษย์จัดส่งเหยื่อไปขายแรงงานบนเรือประมง เกาะอัมบน ประเทศอินโดนีเซีย พร้อมเร่งติดตามจับกุมอีก 3 ผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนี ด้านผู้ต้องหาปัดไม่ใช่เอเยนต์ มีเถ้าแก่เรือติดต่อผ่านมาอีกที
วันนี้ (10 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป. รรท.ผบก.ปคม. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ รอง ผบก.ปคม. (ปป.) และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม แถลงผลการจับกุม นายสุรัติ หรือรัตน์ แสงศรี อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 2199/2558 ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2558 ในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ (โดยการบังคับใช้แรงงานบนเรือประมง), สมคบโดยการตกลงกันสองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์และได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ได้สมคบกัน, ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์, กระทำเพื่อให้ผู้เสียหาที่ถูกพาเข้ามาหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรตกอยู่ในอำนาจของผู้อื่นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยสามารถจับกุมได้ที่ร้านเรือนรัก เลขที่ 279 ถ.สงขลาพลาซ่า ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติกรรมเป็นนายหน้าจัดหาเหยื่อเพื่อไปใช้แรงงานบนเรือประมงที่เกาะอัมบน ประเทศอินโดนีเซีย
พ.ต.อ.กรไชยกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีแรงงานไทยจำนวนมากเดินทางกลับมาจากประเทศอินโดนีเซีย ทางสหวิชาชีพจึงทำการคัดแยกผู้เสียหายจนพบว่าบางส่วนเป็นผู้เสียหายจากการถูกบังคับใช้แรงงานเรือประมงและถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่จากการสอบสวนผู้เสียหายให้การว่า นายสุรัติมีพฤติกรรมเป็นนายหน้าจัดหาแรงงานไปทำงานบนเรือประมงในน่านน้ำของประเทศอินโดนีเซีย โดยทำทีชักชวนว่ามีรายได้ดี ไปโดยถูกกฎหมาย และเมื่อได้เงินค่าแรงล่วงหน้าจากนายประวิทย์ ทองมา เจ้าของเรือ กลุ่มแรงงานก็จะถูกส่งตัวขึ้นเรือบรรทุกของและลักลอบทำประมงในน่านน้ำอินโดนีเซีย โดยมีผู้เสียหาทั้งหมดที่พบจำนวน 122 คน ขึ้นเรือไทยจำนวน 81 คน และขึ้นเรือ ส.ทองมา จำนวน 34 คน ขณะนี้ผู้เสียหายได้ทยอยเดินทางกลับมายังประเทศไทยแล้ว
พ.ต.อ.กรไชยกล่าวต่อว่า จากการสอบสวนนายสุรัติให้การปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะคำให้การของนายสุรัติเป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานหลักฐานชัดเจนและมีข้อมูลพบว่านายสุรัติเป็นผู้ยื่นเอกสารเกี่ยวกับการทำประมง เส้นทางทางการเงิน และมีหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาอีก 3 คนที่อยู่ระหว่างหลบหนีซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัว อย่างไรก็ตาม หมายจับคดีการค้ามนุษย์ที่ยังค้างอยู่นั้นตนจะเร่งรัดติดตามกวาดล้างโดยเร็ว ทั้งนี้ขอประกาศสงครามอย่างเป็นทางการกับกลุ่มบุคคลผู้ค้ามนุษย์อย่างเด็ดขาด
ขณะที่นายสุรัติ ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าตนเองเพียงเป็นเจ้าของร้านคาราโอเกะ ไม่ได้เป็นนายหน้าจัดหาแรงงานแต่อย่างใด และแรงงานก็เป็นเพียงแรงงานที่มาเที่ยวกินดื่ม ที่ร้าน และขอเบิกเงินจากเถ้าแก่เรือผ่านตนเองเท่านั้น และเถ้าแก่มีทั้งหมดจำนวน 4 คนที่เป็นคนประสานตนมา