ASTV ผู้จัดการ - ผบ.ตร. แย้มแถลงรายละเอียดคดีหมิ่นเบื้องสูง 21 ต.ค. ตามที่ “ศรีวราห์” บอก เผยขณะนี้กำลังสอบสวนใครเกี่ยวข้องลักษณะไหนอย่างไร แต่มี 8 ตำรวจ บช.ก. ร่วมด้วยแน่นอน และมีคนมีชื่อเสียงเกี่ยวข้องด้วย ยันไม่กังวล ทำตามกฎหมาย พระก็ต้องสวด ตำรวจก็ต้องจับ
วันนี้ (20 ต.ค.) ที่โรงแรมแชงกรี-ลา ถ.เจริญกรุง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีกองทัพร้องทุกข์ให้ตำรวจดำเนินคดีหมิ่นสถาบันฯ ว่า ได้สั่งให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้รีบดำเนินการ และส่งมาให้ตนพิจารณา ขอเวลาในการรวบรวมเอกสารก่อน ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะมีหลายเรื่อง แต่เชื่อว่าในอีกไม่กี่วันจะสามารถเปิดเผยได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์พอจะอธิบายความว่าลักษณะไหน เกี่ยวกับวิ่งเต้นตำแหน่งหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ขณะนี้การสอบสวนยังไม่สิ้นสุด กำลังสอบสวนอยู่ว่าใครเกี่ยวข้องบ้างในลักษณะไหนและอย่างไร
ถามต่อว่า การร้องทุกข์มาจากกองทัพ มูลเหตุเบื้องต้นที่มีการร้องทุกข์ พฤติการณ์คืออะไร ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถาม พล.ต.ท.ศรีวราห์ เวลาที่ตนมอบหมายงานไปแล้ว พอถึงเวลาใกล้สรุปจะมีการรายงานเข้ามาทั้งหมด ในส่วนขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ เราก็ไม่อยากจะไปแทรกแซงหรืออะไร ไม่ใช่ว่าตนไม่ให้ข่าว แต่บางครั้งทีละนิดทีละหน่อยอาจจะคลาดเคลื่อน สำหรับกรณีกองทัพเพิ่งแจ้งเข้ามา เพราะความผิดเพิ่งปรากฏในระยะนี้
ถามต่อว่า ความผิดที่ปรากฏลักษณะมีผลประโยชน์เข้าไปเกี่ยวข้อง หรือมีการแอบอ้างสถาบันฯ เข้ามาเกี่ยวข้อง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ก็รวม ๆ อยู่ในนี้ ต้องรอให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ตกผลึกก่อน
ถามว่า ที่กองทัพแจ้งมามีการระบุถึงตัวบุคคลบ้างหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็รวม ๆ กัน ถามต่อว่า ที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ บอกว่าออกหมายจับแล้วพอจะระบุได้หรือไม่ว่ากี่คน พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ถาม
เมื่อถามว่า การออกหมายจับครั้งนี้ รวมถึงตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ทั้ง 8 นาย ที่ถูกสั่งให้มาช่วยราชการหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ถ้าเกี่ยวข้องก็ดำเนินการทั้งหมดอยู่แล้ว
ถามต่อว่า ช่วงจังหวะเวลาที่มีการออกคำสั่งตำรวจ 8 นาย มาช่วยราชการอยู่ในเวลาใกล้เคียงกับคำสั่งแต่งตั้งชุดสืบสวนสอบสวนคดีหมิ่นฯ ตามมาตรา 112 ผบ.ตร. กล่าวว่า ทุก ๆ คดี ที่ออกมาในตอนนี้หรือมีเหตุอื่น ๆ ก็ต้องมีการปรับย้ายเหมือนกัน ไม่ใช่แต่เฉพาะคดีนี้เท่านั้น
ถามอีกว่า ทำไมตำรวจสังกัด บช.ก. 8 นาย ต้องย้ายให้พ้นจากตำแหน่งเดิม พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ก็อาจไปยุ่งกับพยานหลักฐานต่าง ๆ ถือเป็นเรื่องปกติของการสั่งมาช่วยราชการอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ตำรวจทั้ง 8 นายนั้น เกี่ยวข้องกับคดีหมิ่นฯ ผบ.ตร. กล่าวว่า คดีอยู่ระหว่างการสอบสวน ถามต่อว่า แสดงว่ามีมูลใช่หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ก็ยังไม่ทราบเหมือนกัน ถามต่อว่าจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนตำรวจทั้ง 8 นายหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า มันมีกระบวนการตามขั้นตอนอยู่แล้ว ถามต่อว่า ถึงขนาดต้องให้ออกจากราชการหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ต้องดูที่ความหนักเบาของพยานหลักฐานต่าง ๆ มันมีขั้นตอนอยู่
ถามต่อว่า ที่กองทัพแจ้งความนั้น มีการให้พยานหลักฐานแก่ตำรวจหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าน่าจะมี
ถามต่อว่า เบื้องต้นนอกจากข้อหาตามมาตรา 112 และมีข้อหาอื่นหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า น่าจะมี ถามย้ำว่าเข้าข่ายลักษณะอย่างไร พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ต้องรอให้ชุดสืบสวนสอบสวนรายงานเข้ามาก่อน
เมื่อถามว่า จากกระแสข่าวระบุว่า คดีนี้มี 2 ส่วน คือ เรียกรับผลประโยชน์และแอบอ้างสถาบันจริงหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ก็ยังไม่แน่ อาจจะมีเพิ่มมากกว่านั้นก็เป็นได้ ข้อหาหนักนั้นน่าจะมีอยู่แล้วส่วนจะมีผู้ต้องหาที่เป็นพลเรือนร่วมด้วยหรือไม่ ตนยังไม่แน่ใจ แต่คดีนี้มีข้าราชการตำรวจเกี่ยวข้องอยู่แล้ว
ถามต่อว่า เป็นไปตามข่าวลือก่อนหน้านี้ ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็น่าจะเป็นแบบนั้น เนื่องจากตนก็รับฟังข่าวสารอยู่เช่นเดียวกัน อีกทั้งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
ถามต่อว่า จะมีการโยกย้ายนายตำรวจที่เกี่ยวกับคดีนี้เพิ่มเติมอีกหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวพร้อมกับยิ้มว่า ก็มีอยู่แล้ว เพราะมีวาระการแต่งตั้งปลายปีนี้ ถามย้ำว่าหมายถึงตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีหมิ่นฯ ผบ.ตร. กล่าวว่า ถ้าสอบสวนแล้วมีหลักฐานเกี่ยวข้องก็ต้องปรับย้ายอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า กังวลใจหรือไม่ที่ต้องมารับผิดชอบคดีประเภทนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเป็นตำรวจก็ต้องรับทุกคดีอยู่แล้วที่มันผิดกฎหมาย ตัวบทกฎหมายมันชัดเจนอยู่แล้ว พระก็ต้องสวด ตำรวจก็ต้องจับกันไป
ถามต่อว่า คดีมาตรา 112 รอบนี้จะมีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวหรืออธิบายเหมือนคดีเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. หรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็คงจะเป็นแนวเดียวกัน ขณะนี้กำลังปรึกษากันอยู่
ถามต่อว่า ตำรวจสังกัด บช.ก. ทั้ง 8 นาย ขณะนี้ตัวอยู่ที่ใด ผบ.ตร. กล่าวว่า อยู่ในประเทศไทย
ถามต่อว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะแถลงรายละเอียดในวันพรุ่งนี้ (21 ต.ค.) ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็คงเป็นแนวนั้น เพราะ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ได้บอกไปแล้ว
ถามต่อว่า จะมีการยึดทรัพย์ร่วมด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า มันคือระบบของการทำสำนวน การรับคดีนั้นอะไรที่เข้าไปเกี่ยวข้องก็ต้องตรวจสอบหมดอยู่แล้ว แม้กระทั่งของใช้หรืออะไรก็แล้วแต่
เมื่อถามว่า ขบวนการนี้มีส่วนโยงใยถึงเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ หรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า การสอบสวนยังไปไม่ถึง
ถามต่อว่า ต้องมีการตรวจสอบว่าทรัพย์สินเรียกรับ หรือแอบอ้างว่ามีมูลค่าเท่าไรหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า มันอยู่ในกระบวนการตรวจสอบอยู่แล้ว เพราะเราตั้งไว้ทุกประเด็น ถามต่อว่าเป็นหลัก 100 ล้าน หรือ 1,000 ล้านบาท ผบ.ตร. กล่าวว่า ก็ยังไม่ทราบ ถามต่อว่าก่อนที่ทางกองทัพจะเข้ามาร้องทุกข์นั้นผู้ต้องหามีพฤติกรรมแบบนี้มานานหรือยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตนก็ไม่ค่อยได้สัมผัส ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ไป เขาอยู่ที่สังกัด บช.ก.
ถามต่อว่า เกิดขึ้นในช่วงก่อนท่านเข้ามารับตำแหน่ง ผบ.ตร. หรือก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ก็ใกล้เคียงกัน ถามต่อว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์จากหน่วยงานไหนบ้าง อาทิ ภาคธุรกิจหรือจากกิจกรรมอะไรที่เกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูงหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า อยู่ระหว่างการสอบสวน คงจะปรากฏในเร็ว ๆ นี้
เมื่อถามว่า ผู้ต้องหาที่เป็นพลเรือนนั้นเกี่ยวข้องกับบุคคลที่เคยปรากฏเป็นข่าวที่เป็นนักโหราศาสตร์หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ผมไม่รู้อาชีพเขา แต่เป็นคนมีชื่อเสียง ถามต่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นข่าวในขณะนี้ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ มีสีหน้ายิ้มแย้มและนิ่งเงียบไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด จากนั้นผู้สื่อข่าวถามต่อว่าการที่เงียบหมายความว่าใช่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ไม่ใช่ กำลังนึกอยู่ ไม่ตอบแล้ว ไปดีกว่า