ครอบครัว “เสี่ยชูวงษ์” ยื่นหลักฐานการโอนหุ้นเพิ่ม

ASTV- ผู้จัดการ ภรรยาและพี่สาว “เสี่ยชูวงษ์” พร้อมทนายความ ยื่นเอกสารการโอนหุ้นจำนวน 300 ล้านให้กองปราบปรามเพิ่มเติม เตรียมติดตามความคืบหน้าการเสียชีวิต เชื่อมั่นการสอบสวนของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม

วันนี้ (19 ต.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.30 น. นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง อายุ 51 ปี น.ส.วันเพ็ญ ธนธรรมศิริ อายุ 54 ปี ภรรยาและพี่สาวของนายชูวงษ์ พร้อมด้วยนายเอนก คำชุ่ม ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมในเรื่องรายการในบัญชีธนาคารของนายชูวงษ์ และรายละเอียดช่วงเวลาการทำงานของนายชูวงษ์ในช่วงเดือนมิถุนายนที่เกิดเหตุ มายื่นให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ภายหลังอัยการขอเอกสารประกอบคดีเพิ่มเติม

นายเอนกกล่าวว่า เอกสารที่นำมายื่นเป็นส่วนของคดีการโอนหุ้น เอกสารดังกล่าวจะนำมาใช้ยืนยันว่ารายละเอียดทางการเงินของนายชูวงษ์เป็นอย่างไรในช่วงเดือนที่เกิดเหตุ โดยจากเอกสารยืนยันแน่ชัดว่าหุ้นเกือบ 300 ล้านบาทเป็นของนายชูวงษ์ และมีการเบิกจ่ายไปใช้จริง ส่วนคดีการเสียชีวิตนั้นยังอยู่ระหว่างรอผลจากพนักงานสอบสวน ขณะที่ในส่วนของอัยการที่มีการสั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนพยานหลักฐานเพิ่มเติมในบางประเด็น

หลังจากผู้ต้องหาในคดีโอนหุ้นทั้ง 4 คนได้ยื่นคำร้องต่ออัยการ ทั้งนี้ วันที่ 21 ตุลาคมนี้ ทางครอบครัวจะเดินทางไปติดตามความคืบหน้ากรณียื่นคำร้องต่อแพทยสภาตรวจสอบผลชันสูตรศพนายชูวงษ์ ส่วนผลการตรวจสอบจะออกมาเป็นอย่างไร ทางครอบครัวก็พร้อมยอมรับหากผลการตรวจสอดคล้องกับภาพถ่ายบาดแผลการเสียชีวิต

นายเอนกกล่าวด้วยว่า หลังเกิดเหตุทาง พ.ต.ท.บรรยินไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด ทั้งนี้มีกระแสข่าวว่าทาง พ.ต.ท.บรรยินได้ยื่นเอกสารขอความเป็นธรรมและยื่นหลักฐานในชั้นอัยการนั้น เรื่องนี้เป็นสิทธิของทาง พ.ต.ท.บรรยิน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทางครอบครัวยังเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ