กองปราบปรามจำลองเหตุการณ์เหมือนจริงไขปริศนาการตายของ “เสี่ยชูวงษ์" โดยนำหุ่นจำลองขนาดเท่า ตัวจริงนั่งมาในรถจำลองฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าซ้าย เพื่อวัดแรงกระแทก และใช้รถยนต์เลกซัสของตำรวจสันติบาล ตรวจจับ ความเร็วจับระยะเวลาความเร็ว โดยมีบุตรชายทั้งสองฝ่ายเข้าร่าวมสังเกตุการณ์
วันนี้ (28 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ โรงแรมโนโวเทลกรุงเทพ บางนา ตำรวจ บก.ป.และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ นำหุ่นจำลองและกล้องเข้าไปประกอบภายในตัวรถยนต์ยี่ห้อเลกซัส สีบรอนซ์ทองคาดแดง ทะเบียน ตราโล่ห์ ของตำรวจสันติบาล ทะเบียน 06091 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ที่เสียชีวิตอย่างน่าสงสัยภายในรถที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์เป็นคนขับ
เจ้าหน้าที่ได้นำหุ่นจำลองขนาดรูปร่างคล้ายนายชูวงษ์ ประกอบเข้าไปที่บริเวณเบาะนั่งด้านหน้าฝั่งซ้ายเพื่อจำลองสถานการณ์ให้คล้ายกับช่วงเหตุการณ์จริงมากที่สุด รวมถึงติดตั้งกล้องภายในตัวรถที่บริเวณคอนโซลหน้า , กระจกฝั่งคนขับ และกระจกหลังรถเพื่อบันทึกภาพการจำลองเหตุการณ์ รวมถึงมีการนำกระดาษเปเปอร์ชีท หรือกระดาษสีมาแปะทั่วรถทางฝั่งคนนั่งด้านซ้าย และตัวจับสัญญาณเซ็นเซอร์ เพื่อตรวจหาจุดกระแทกระหว่างหุ่นจำลองกับอุปกรณ์ภายในตัวรถเพื่อทดสอบว่ามีจุดไหนบ้างและสามารถทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้หรือไม่
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเซ็ตช่วงล่างและระบบเบรกของรถ ให้มีค่าใกล้เคียงกับรถคันที่เกิดเหตุให้มากที่สุด โดยเฉพาะแรงดันลมยาง ก่อนที่จะนำไปใช้จำลองเหตุการณ์ที่จุดเกิดเหตุบริเวณระหว่างซอยเฉลิมพระเกียรติฯ ร.9 ซอย 48-50 แขวงและเขตสวนหลวง กทม.
ต่อมาเวลา 11.30 น.เจ้าหน้าที่เดินทางออกจากโรงแรมโนโวเทล มุ่งหน้ามายังจุดเกิดเหตุ โดยทาง พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป. พ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กก.6 บก.ป.ช่วยราชการ กก.1 บก.ป. พ.ต.ท.อนรรฆ ประสงค์สุข รอง ผกก.1 บก.ป. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เดินทางมายังซอยเฉลิมพระเกียรติฯ ร.9 ระหว่างซอย 48-50 ซึ่งเป็นจุดเกิดอุบัติเหตุจนเป็นเหตุให้นายชูวงษ์เสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่า เจ้าหน้าที่ได้นำรถยนต์ยี่ห้อเลกซัสมาเตรียมความพร้อม โดยภายในรถมีหุ่นจำลองขนาดตัวเท่ากับนายชูวงษ์ มีลูกบอลกลมขนาดเล็กสีส้มซึ่งเป็นตัววัดแรงสั่นสะเทือนเมื่อรถได้รับแรงกระแทก โดยจะมีการตรวจสอบว่าเมื่อมีการกระแทกอวัยวะใดของหุ่นที่จะไปกระทบกับตัววัดแรงสั่นสะเทือนแล้วจึงนำรอยดังกล่าวไปเปรียบเทียบกับร่องรอยการกระแทกตามจุดต่างๆ ของร่างกายนายชูวงษ์ โดยนำไปเทียบเคียงจากรูปถ่ายและผลชันสูตรศพ รพ.สิรินธร ขณะเดียวกัน มีกล้องวีดีโอติดภายในและนอกตัวรถทั้งหมด 15 ตัว เพื่อดูเหตุการณ์ภายในรถที่เกิดขึ้นทั้งหมดขณะเกิดเหตุ
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่นำเบาะกันกระแทกไปพันไว้ที่ต้นยูคาลิปตัสซึ่งเป็นจุดที่รถของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ขับไปชน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในระหว่างการเตรียมความพร้อมจำลองเหตุการณ์ดังกล่าว ลูกชายของ พ.ต.ท.บรรยิน พร้อมเพื่อนรวม 2 คน ขับรถกระบะยี่ห้อฟอร์ด เรนเจอร์ สีส้ม ทะเบียน สท 111 กทม.มาสังเกตการณ์ โดยลูกชายของ พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ทาง พ.ต.ท.บรรยินไม่ได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุด้วย เนื่องจากอยู่ต่างจังหวัด และไม่ได้ให้ตนเป็นตัวแทนมาดู เพียงแต่ทราบจากข่าวจึงตัดสินใจชวนเพื่อนมาดู พร้อมทั้งจะถ่ายคลิปการจำลองเหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่ไว้เป็นหลักฐานทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้มีความกังวลใดๆ เพราะจากที่ดูแล้ว ตนมั่นใจว่าการจำลองเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีทางเหมือนเดิม เพราะในวันเกิดเหตุทั้งตำแหน่งที่นั่งก็ไม่เหมือนเดิม รวมทั้งถนนก็แห้ง และหญ้าแห้ง
แต่วันเดียวกันนี้ฝนตกดินแฉะ มีน้ำขัง สภาพแวดล้อมทุกอย่างไม่เหมือนวันเกิดเหตุ
จากนั้นเวลา 12.50 น. เจ้าหน้าที่ได้ทดลองขับรถคันดังกล่าวในระดับความเร็ว 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อตรวจสอบสมรรถภาพของรถว่ามีสมรรถภาพใกล้เคียงกับรถคันเกิดเหตุหรือไม่ ซึ่งหลังจากทดลองพบว่าต้องมีการปรับแก้ไขระบบบางส่วน แล้วทดลองขับรถคันดังกล่าวในระดับความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พบว่าต้องมีการปรับตั้งระบบอีกครั้ง
บ่ายวันเดียวกัน นายกันต์ แซ่ตั๊ง บุตรชายนายชูวงษ์ พร้อมด้วย นายเอนก คำชุ่ม ทนายความ เข้ามาร่วมสังเกตการณ์ โดยนายเอนก กล่าวว่า เมื่อทราบว่าทางตำรวจ บก.ป.มาจำลองเหตุการณ์ จึงตัดสินใจมาดู แต่ไม่ได้สอบถามรายละเอียดใดๆ และไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับการดำเนินการของตำรวจ เพราะเกรงว่าจะทำให้เจ้าหน้าที่ลำบากใจและทำงานได้ไม่เต็มที่ อย่างไรก็ดี ตนเชื่อมั่นการดำเนินการของตำรวจ บก.ป.และพยานหลักฐานต่าง ๆ ว่าจะสามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้
เมื่อถามว่าหากสุดท้ายแล้วเจ้าหน้าที่สรุปการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ว่าเกิดจากอุบัติเหตุ ทางญาติจะยังติดใจหรือจะดำเนินการอย่างไรอีกหรือไม่ นายเอนกกล่าวว่า ไม่อยากให้สมมติ เพราะการทำคดีไม่มีคำว่าสมมติ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน โดยเฉพาะหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ เนื่องจากในวันเกิดเหตุมีเพียง 2 คน ที่อยู่ในเหตุการณ์ คนหนึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ก็เหลืออีกเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องทุกอย่าง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดีโอนหุ้นที่พบพิรุธนั้น ทางครอบครัวรู้สึกพอใจกับผลการตรวจสอบที่สามารถนำไปสู่การออกหมายจับผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งหมด และมั่นใจว่าสุดท้ายแล้วคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ก็จะได้ข้อสรุปที่เป็นความจริงเช่นกัน