xs
xsm
sm
md
lg

รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเหยื่อโอนเงินเข้าบัญชีกว่าล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นครบาลแถงข่าวรวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไทย-ไต้หวัน โทรศัพท์หลอกเหยื่ออ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐขอตรวจสอบทรัพย์สินเกี่ยวข้องยาเสพติด หลอกโอนเงินเข้าบัญชีกว่าล้านบาท เผยเป็นแก๊งนาชาชาติมีลูกทีมกว่า 40 คน โทรศัพท์หาเหยื่อหลายประเทศ

วันนี้ (15 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท.ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ผบก.น.9 พ.ต.อ.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผกก.สน.บางขุนเทียน แถลงผลการจับกุม นายอิทธิพงษ์ แม่นใจ หรืออิท อายุ 27 ปี, นายเย่หลง เติง อายุ 43 ปี สัญชาติไต้หวัน, นายเฉิน ฟางเว่ย อายุ 38 ปี ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น จับกุมได้ที่บริเวณหน้าตู้เอทีเอ็ม สาขาบางบอน ถนนเอกชัย แขวงและเขตบางบอน กทม.

พ.ต.อ.อัฏธพรกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ต.ค. นายหวัน ดาแก้ว อายุ 58 ปี ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่าได้มีกลุ่มคนร้ายโทรศัพท์มาหลอกลวงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตรวจพบว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดเครือข่ายทางภาคเหนือจะต้องตรวจสอบทรัพย์สินและให้ผู้เสียหายโอนเงินไปที่เลขบัญชีที่เตรียมไว้ ความเสียหายทั้งสิ้น 1,039,000 บาท

พ.ต.อ.อัฏธพรกล่าวอีกว่า เมื่อได้รับแจ้งเหตุฝ่ายสืบสวนได้ดำเนินการตรวจสอบเลขบัญชีธนาคารที่รับโอนเงิน จนทราบว่ากลุ่มคนร้ายมี 3 คน คือ นายอิทธิพงษ์ นายเย่หลง เติง และนายเฉิน ฟางเว่ย สมาชิกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวที่มีพนักงานเชื้อชาติต่างๆ เช่น สัญชาติไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ประมาณ 40 คน ทำหน้าที่โทรศัพท์ออกไปหาเหยื่อตามประเทศต่างๆ จากนั้นนายอิทธิพงษ์ได้ว่าจ้างให้ น.ส.หนุ่ย อาศัยอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี ทำหน้าที่เปิดบัญชี พร้อมบัตรเอทีเอ็ม ค่าจ้างบัญชีละ 10,000 บาท เพื่อนำข้อมูลบัญชีพร้อมบัตรเอทีเอ็มส่งให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อนที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะสุ่มโทรศัพท์มายังเหยื่อที่มีบัญชีธนาคารอยู่ในประเทศไทย เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อก็จะโอนเงินไปยังบัญชีที่ถูกว่าจ้างให้เปิดไว้ ต่อมาบริษัทแม่จะแจ้งยืนยันเหยื่อโอนเงินมาที่นายหลงเติง และนายหลงเติงจะแจ้งให้นายเฉิน ฟางเว่ย ทราบก่อนที่จะสั่งการให้นายอิทธิพงษ์ไปถอนเงินออกจากธนาคาร เพื่อนำไปฝากเข้าบัญชีของบริษัทแม่คอลเซ็นเตอร์ โดยจะได้ส่วนแบ่งจากการทำงาน 3 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินทั้งหมด

สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุในลักษณะแบบนี้มาหลายครั้ง เมื่อครบเป้าหมายที่กำหนดแล้วจึงแยกย้ายกันหลบหนีและเปลี่ยนที่พักอาศัย โดยตำรวจจะเร่งสืบสวนขยายผลหากลุ่มที่ร่วมกระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป

กำลังโหลดความคิดเห็น