ASTV ผู้จัดการ - ศาลออกหมายจับ 2 อดีตผู้บริหารบลิสเชอร์ฐานเบี้ยวนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีแชร์ลูกโซ่ นัดอีกครั้งวันที่ 23 พ.ย.นี้
ที่ห้องพิจารณาคดี 709 ศาลอาญา วันนี้ (14 ต.ค.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ ที่ ด.4756/2537 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 เป็นโจทก์ฟ้อง บริษัท บลิสเชอร์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด น.ส.อังสุนีย์ พัฒนานิธิ อดีตกรรมการบริษัทฯ, น.ส.ปัรจวรรณ เบญจมาศมงคล อดีตผู้ก่อตั้งบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น, นายแสงทอง แซ่กิม อดีตผู้ก่อตั้งบริษัทฯ และพนักงานฝ่ายขายอิสระ และนายอรรณพ หรือ อาร์ต กุลเสวตร์ อดีต ผจก.สาขาศูนย์สีลม ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ประกอบ 83 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 5, 12 และ 15
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือน 18 ก.ค. 2534 ถึง 11 ก.พ. 2537 บ.บลิสเชอร์ฯ ประกอบธุรกิจจัดสรรวันพักผ่อน หรือไทม์แชริ่ง โฆษณาชักชวนประชาชนให้สมัครสมาชิกใช้บริการที่พักฟรีตามสถานที่พักตากอากาศ หรือโรงแรมที่บริษัทฯ จำเลยจัดไว้ เป็นเวลา 4 วัน 4 คืนต่อปี หรือฟรีโฟร์ นาน 20 ปี มีรูปแบบการสมัครสมาชิกเป็นรูปแบบบัตรทอง และบัตรเงิน โดยบัตรเงินจ่ายค่าสมาชิก 30,000 บาท พร้อมค่าบำรุงปีละ 2,500 บาท และบัตรทองจ่ายค่าสมาชิก 60,000 บาท พร้อมค่าบำรุงปีละ 4,500 บาท หากสมาชิกรายใดจะสมัครเป็นฝ่ายขายต่อจะต้องเสียค่าสมัครเพิ่ม 1,500 บาทต่อปี และหากหาสมาชิกได้จะได้ค่านายหน้าเพิ่มรายละ 5,000 บาท มีผู้เสียหายหลงเชื่อสมัครเป็นสมาชิกจำนวน 24,189 ราย มูลค่าความเสียหาย 826,266,000 บาท ต่อมากระทรวงการคลังพบว่าจำเลยไม่อาจดำเนินการซื้อขายสินค้าตามที่ประกาศได้เพราะไม่มีสินค้าให้ไปขายจริง และให้ค่าตอบแทนในวิธีฟรีโฟร์ คิดแล้วสูงกว่าดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนด ไม่มีการประกอบกิจการจริง อันเป็นการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน จำเลยให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2551 ให้จำคุกจำเลยที่ 2, 4 และ 5 ซึ่งเป็นกรรมการที่มีอำนาจในบริษัทฯ ฐานฉ้อโกงประชาชน ให้จำคุกคนละ 120,945 ปี แต่ตามกฎหมายเมื่อรวมลงโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกจำเลยทั้งสามได้ไม่เกิน 20 ปี จึงพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 2, 4 และ 5 คนละ 20 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และ 3 เนื่องจากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับการวางแผนบริหารนโยบายดังกล่าว ขณะที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2556 และให้ออกหมายจับจำเลยที่ 2 และ 4 เนื่องจากหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา ต่อมาจำเลยที่ 2 และ 4 ยื่นฎีกาสู้คดี
เมื่อถึงเวลานัดปรากฏว่า จำเลยที่ 2 และ 4 ไม่ได้เดินทางมาศาล ขณะที่ทนายจำเลยที่ 2 และ 4 แถลงต่อศาลว่าไม่สามารถติดต่อจำเลยทั้งสองได้
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 2 และ 4 ทราบหมายโดยชอบ แต่ไม่เดินทางมาศาลตามนัด จึงให้ออกหมายจับจำเลยที่ 2 และ 4 เพื่อมาฟังคำพิพากษา และเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาฎีกาออกไปเป็นวันที่ 23 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.