xs
xsm
sm
md
lg

สุดเท่! “โอบามา-กูเกิล-เฟซบุ๊ก” แห่ส่งเทียบเชิญ “เจ้าหนูนักประดิษฐ์มุสลิม” หลังถูกโรงเรียนแจ้งตำรวจจับฐานทำนาฬิกาออกมาคล้าย “ระเบิด”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อาเหม็ด โมฮาเหม็ด วัย 14 ปี นักเรียนชั้นมัธยมจากโรงเรียนไฮสกูลแม็กอาร์เธอร์ รัฐเทกซัส ซึ่งเคยถูกทางโรงเรียนแจ้งตำรวจจับฐานประดิษฐ์นาฬิกาคล้ายระเบิด
เอเอฟพี - วัยรุ่นชาวมุสลิมซึ่งถูกโรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐเทกซัสแจ้งตำรวจจับ เพราะเข้าใจผิดว่านาฬิกาที่เขาประดิษฐ์ขึ้นเป็น “ระเบิด” ได้รับกำลังล้นหลามจากสาธารณชนชาวอเมริกัน ล่าสุดยังได้รับคำเชิญจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ให้ไปเป็นแขกของทำเนียบขาว แม้แต่ยักษ์ใหญ่ไอทีชั้นนำอย่าง “กูเกิล” และ “เฟซบุ๊ก” ต่างก็แย่งกันเชื้อเชิญเจ้าหนูอัจฉริยะวัย 14 ปีให้ไปเยี่ยมเยียนถึงบริษัท



โอบามา ได้โพสต์ข้อความชื่นชมความเฉลียวฉลาดและทักษะในการประดิษฐ์สิ่งของของ อาเหม็ด โมฮาเหม็ด วัย 14 ปี ซึ่งเท่ากับเป็นการติเตียนทางโรงเรียนและตำรวจเมืองดัลลัส ในเหตุการณ์ซึ่งสะท้อนให้เห็นผลพวงของกระแสเกลียดกลัวอิสลาม (Islamophobia)

“นาฬิกาเจ๋งดีนี่ อาเหม็ด อยากเอามาโชว์ที่ทำเนียบขาวบ้างไหม เราควรจะสร้างแรงบันดาลใจแก่เยาวชนเช่นเธอให้มีความรักในวิทยาศาสตร์ เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่” โอบามาโพสต์ข้อความในทวิตเตอร์

ภาพถ่ายโมฮาเหม็ดซึ่งสวมเสื้อยืดทีเชิ้ตที่มีโลโก “องค์การนาซา” และถูกตำรวจสวมกุญแจมือ ถูกแชร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์นับหมื่นๆ ครั้งในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ขณะที่ #IStandWithAhmed กลายเป็นแฮชแท็กยอดนิยมในทวิตเตอร์

โมฮาเหม็ด ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ดัลลัส มอร์นิง นิวส์ ว่า เขาเอานาฬิกาที่ประดิษฐ์ขึ้นเองไปโรงเรียนเมื่อวันจันทร์ (14) เพราะอยากให้ครูผู้สอนรู้สึกประทับใจ

“งานอดิเรกของผมคือการประดิษฐ์สิ่งของ” หนุ่มน้อยกล่าวผ่านคลิปวิดีโอซึ่งเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ดังกล่าว ซึ่งเผยให้เห็นห้องนอนของเขาที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

“ผมประดิษฐ์นาฬิกาขึ้นมาอันหนึ่ง มันง่ายมากจริงๆ นะครับ เพราะผมอยากจะสร้างอะไรที่มันเล็กๆ ก่อน... แต่พวกเขาเข้าใจผิด และผมก็ถูกตำรวจจับฐานทำระเบิดข่มขู่”
ภาพโมฮาเหม็ด ซึ่งสวมเสื้อทีเชิ้ตที่มีโลโก้ “นาซา” และถูกตำรวจสวมกุญแจมือ ถูกแชร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์นับหมื่นๆ ครั้งในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ครอบครัวของโมฮาเหม็ด เป็นผู้อพยพชาวซูดานที่อาศัยอยู่ชานเมืองดัลลัส เขาชื่นชอบการประดิษฐ์หุ่นยนต์ตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และหวังว่าจะได้เจอประสบการณ์ที่คล้ายกันในโรงเรียนไฮสกูลแม็กอาร์เธอร์ แต่เมื่อเขานำนาฬิกาไปให้ครูสอนวิชาวิศวกรรมดู กลับไม่ได้รับคำชมอย่างที่หวัง

“เขาบอกผมว่า... มันเจ๋งดีนะ แต่อย่าเอาไปให้ครูคนอื่นๆ ดูเลย” โมฮาเหม็ดกล่าว

ต่อมาเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในห้องเรียน ครูคนดังกล่าวจึงพูดว่าหน้าตามันเหมือน “ระเบิด” และขอริบเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นโมฮาเหม็ดก็ถูกตำรวจที่ทางโรงเรียนโทร.เรียกมาสวมกุญแจมือ และพาไปโรงพักฐานจงใจผลิตสิ่งของคล้ายระเบิดเพื่อข่มขวัญผู้อื่น

ตำรวจแถลงวานนี้ (16) ว่า จากการสอบปากคำเชื่อว่าโมฮาเหม็ดไม่ได้มีเจตนาร้าย และเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะความพาซื่อของเขาเท่านั้น

ลาร์รี บอยด์ ผู้กำกับการตำรวจเมืองเออร์วิง ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้มาตรการตอบสนองโดยมีอคติต่อเชื้อชาติ

“ไม่ว่าจะใครทำ เราก็ต้องใช้มาตรการอย่างเดียวกันหมด เพราะของดังกล่าวดูน่าสงสัยมาก” บอยด์ ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าว

“ยุคสมัยนี้คุณจะเอาสิ่งประดิษฐ์หน้าตาแบบนั้นเข้าไปในโรงเรียนไม่ได้”

ด้านโฆษกหญิงประจำเขตการศึกษาก็ออกมาสนับสนุนท่าทีของตำรวจ พร้อมระบุว่าใครก็ตามที่ได้เห็นนาฬิกาของอาเหม็ดก็จะเข้าใจว่า “เราพยายามทำทุกอย่างเพื่อป้องกันไว้ก่อน”

โมฮัมเหม็ด เอลฮัสซัน โมฮัมเหม็ด บิดาของเจ้าหนูนักประดิษฐ์ ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นด้วยท่าทีภูมิใจว่า “ลูกชายผมเป็นคนฉลาด”

โจช เออร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาวชี้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นโอกาสให้ชาวอเมริกัน “ได้สำรวจจิตสำนึกของตนเองว่ามีอคติอยู่หรือไม่”
นาฬิกาที่ อาเหม็ด โมฮาเหม็ด ประดิษฐ์ขึ้น
สภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลาม (Council on American-Islamic Relations - CAIR) ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุที่ตำรวจใช้มาตรการรุนแรงต่อโมฮาเหม็ด อาจเพราะกำลังมีกระแสหวาดระแวงอิสลามในเมืองเออร์วิง หลังจากนายกเทศมนตรีเบธ ฟาน ดุยเน อ้างว่าชาวมุสลิมที่นั่นกำลังผลักดันกฎหมายชารีอะห์

“เราเชื่อว่าเรื่องนี้เกิดจากความรู้สึกต่อต้านชาวมุสลิมที่รุนแรงขึ้นในสังคม... ถ้าเป็นเด็กนักเรียนคนอื่นที่ไม่ได้ชื่อ อาเหม็ด โมฮัมเหม็ด และไม่ใช่คนผิวสีน้ำตาล เขาจะไม่ถูกบังคับให้ต้องเดินผ่านเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ ในสภาพถูกใส่กุญแจมือเช่นนั้นแน่” อิบรอฮีม ฮูเปอร์ โฆษก CAIR บอกกับเอเอฟพี

นิตยสารไวร์ดได้หยิบยกคดีโอละพ่อนี้มาเขียนเป็นบทความตลกร้ายชื่อ “วิธีการประดิษฐ์นาฬิกาใช้เองที่ไม่ใช่ระเบิด” (How to Make Your Own Homemade Clock That Isn’t a Bomb)

มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอเฟซบุ๊กก็ได้ออกมาให้กำลังใจโมฮาเหม็ดด้วยเช่นกัน โดยขอให้เขา “ทำงานสร้างสรรค์ต่อไป” และยังบอกอีกว่า “ผมอยากจะเจอคุณสักครั้ง”

แต่ ซักเกอร์เบิร์ก คงจะต้องรอไปอีกพักใหญ่ เพราะนอกจากจะได้บัตรเชิญไปร่วมงาน “ค่ำคืนแห่งดาราศาสตร์” (Astronomy Night) ที่ทำเนียบขาวในเดือนหน้าแล้ว โมฮาเหม็ดยังได้รับเชิญให้ไปทดลองขับ “ยานออปเปอร์ทูนิตี” (Opportunity rover) ที่องค์การนาซา, ทัวร์สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (เอ็มไอที), ทดลองฝึกงานที่ทวิตเตอร์ และเข้าชมนิทรรศการด้านวิทยาศาสตร์ซึ่งจัดโดยกูเกิล

“เฮ้! อาเหม็ด เราสำรองที่นั่งไว้ให้คุณแล้วในงาน Google Science Fair สุดสัปดาห์นี้... อยากมาไหม? อย่าลืมเอานาฬิกามาด้วยนะ” บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ประกาศผ่านทวิตเตอร์

คริส แฮดฟิลด์ นักบินอวกาศชาวแคนาดา ได้เชิญ โมฮาเหม็ด ไปร่วมงานวาไรตีโชว์ด้านวิทยาศาสตร์ที่เมืองโทรอนโตในวันที่ 28 ตุลาคม โดยโรงแรมโฟร์ซีซันส์ประกาศจะให้ที่พักฟรีแก่เจ้าหนูนักประดิษฐ์ด้วย

ครอบครัวของโมฮาเหม็ด ได้เปิดบัญชีทวิตเตอร์ @IStandWithAhmed เพื่อเป็นช่องทางขอบคุณทุกๆ ฝ่ายที่ให้การสนับสนุนบุตรชายของพวกเขา โดยได้โพสต์ภาพถ่ายโมฮาเหม็ดขณะกำลังชู 2 นิ้วและสวมยืดสีเทาที่มีโลโก้นาซา พร้อมคำบรรยายว่า “ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยสนับสนุน พวกเราสามารถร่วมมือกันขจัดความไม่เท่าเทียมทางเชื้อชาติ และป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก”




กำลังโหลดความคิดเห็น