xs
xsm
sm
md
lg

จำคุกหมอเสน่ห์ “การเวก” 22 ปี 8 เดือน หลอกชำเราผู้เสียหาย 7 คน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายธนวรรษ อัศวพลสุวรรณ (หมอการเวก) ผู้ต้องหา
 ASTV ผู้จัดการ - ศาลอาญาสั่งจำคุก “การเวก” หมอทำเสน่ห์ 22 ปี 8 เดือน หลอกผู้เสียหาย 7 ราย และกระทำชำเรา พ่วงผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน ส่วนเมียเจอคุก 4 ปี 8 เดือน พร้อมสั่งชดใช้ผู้เสียหายอีก 1.8 ล้านบาท

ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (13 ต.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาคดี หมายเลขดำ ที่ อ.1494/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธนวรรษ อัศวพลสุวรรณ หรือหมอเสน่ห์การเวก เทพหน้าทอง ตั้งสำนักทรงเจ้ารับทำพิธีเสน่ห์, นางจุฑาทิพย์ อัศวพลสุวรรณ ภรรยา, น.ส.สุมิตรา นฤบดินทร์, น.ส.ศติยาพร เชื้ออาษา และ น.ส.ตรีสุคนธุ์ สวัสดีโสม เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง และฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 และมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8,72

โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2557 ระบุพฤติการณ์ความผิดว่า เมื่อเดือน มิ.ย. 2553 - 14 มี.ค. 2557 เวลากลางวัน จำเลยทั้งห้าร่วมกันเปิดโฆษณาทางเว็บไซต์ ชื่อ “akaravak” ชักชวนให้คนมาทำคุณไสย โดยเปิดสำนักทำการอยู่บ้านเลขที่ 61/89-90 หมู่บ้านพรพิสาร 6 อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี และฉ้อโกงผู้เสียหาย โดยหลอกให้ร่วมเพศกับจำเลยที่ 1 ก่อนทำพิธีกรรม และจำเลยที่ 1 ยังมีปืนลูกซองยาวที่มีทะเบียนซึ่งเป็นอาวุธปืนของผู้อื่นที่ได้รับอนุญาต และปืนพกไม่ปรากฏหมายเลขทะเบียน มีกระสุนลูกซองเบอร์ 12 รวม 83 นัด กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 94 นัด กระสุนปืน .357 จำนวน 11 นัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยที่ 2 มีปืนพกสั้นขนาด .38 ที่มีหมายเลขทะเบียน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี จึงขอให้พิพากษาจำเลยทั้งห้าตามความผิด และให้จำเลยร่วมกันคืนเงินแก่ผู้เสียหายด้วย ในชั้นพิจารณาจำเลยทั้งห้าได้ให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าโจทก์ มีผู้เสียหาย 7 รายมาเบิกความสอดคล้องกันว่า ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดตั้งสำนักผ่านเว็บไซต์ของจำเลยที่ 1 ที่มีภาพจำเลยประกอบด้วย ระบุว่ามีความสามารถในการทำเสน่ห์ ไสยศาสตร์สามารถทำให้คนกลับมารักได้ และเมื่อได้ไปที่สำนักของจำเลยที่ 1 จะมีจำเลยที่ 2-3 อยู่เพื่อให้คำแนะนำ และบอกละเอียดการเข้าพบ พร้อมทั้งมีการให้พานดอกไม้ซึ่งต้องชำระค่าครูด้วย และเมื่อได้พบจำเลยที่ 1 ก็จะให้ผู้เสียหายที่เป็นผู้หญิงถอดเสื้อผ้าทั้งหมดแล้วให้นอนบนแท่นพิธีกรรมที่จำเลยที่ 1 อ้าง ซึ่งจะมีการทาน้ำมันที่ตัวผู้เสียหายและระหว่างนั้นจำเลยที่ 1 กระทำชำเราผู้เสียหาย หรือถ้าผู้เสียหายเดินทางมากับผู้ชายจำเลยที่ 1 ก็จะให้ร่วมประเวณีต่อหน้าจำเลย หรือให้จำเลยที่ 3-5 ทาน้ำมัน ลูบอวัยวะเพศเพื่อปลุกอารมณ์แล้วร่วมประเวณี โดยจำเลยที่ 1 อ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งในพิธีกรรม แต่เมื่อดำเนินการแล้วกลับไม่ได้ผล แล้วเมื่อกลับไปหาจำเลยที่ 1 ก็จะทำเช่นเดิมซ้ำอีกโดยจะมีเงินปั้นรูปตุ๊กตาเพื่อทำเสน่ห์ด้วย

ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่า เรียนวิชาด้านการทำเสน่ห์ แต่ทางนำสืบจำเลยไม่มีพยานที่จะอ้างได้ถึงวิชาด้านไสยศาสตร์ หรือการทำเสน่ห์ รวมทั้งไม่มีตำราที่อ้างมาแสดงได้ ส่วนอาวุธปืนนั้นก็พบอาวุธและเครื่องกระสุนในกระเป๋าของจำเลยที่ 2 ภายในบ้านพักจำเลยที่ 1 พยานหลักฐานของจำเลยไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้ จึงพิพากษว่า นายธนวรรษ หรือหมอการเวก จำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 341, 343 และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่งถึงวรรคสาม ส่วนนางจุฑาทิพย์ จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 341, 343 และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 วรรคสาม ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป

ให้จำคุกนายธนวรรษ หรือหมอการเวก จำเลยที่ 1 ฐานฉ้อโกงประชาชน 7 กระทงๆ ละ 3 ปี รวม 21 ปี, ฐานมีอาวุธปืนที่ไม่มีทะเบียน และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้จำคุก 1 ปี, ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 8 เดือน และฐานมีเครื่องกระสุนปืน ให้ปรับ 1,000 บาท รวมโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น 22 ปี 8 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้วให้จำคุกสูงสุดตามกฎหมายเป็นเวลา 20 ปี หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับก็ให้กักขังตามประมวลอาญา มาตรา 29 และ 30
ส่วนนางจุฑาทิพย์ จำเลยที่ 2 ให้จำคุก 4 กระทงๆ ละ 1 ปี รวม 4 ปี และฐานมีอาวุธปืนให้จำคุก 8 เดือน รวมจำคุกทั้งสิ้น 4 ปี 8 เดือน

สำหรับ น.ส.สุมิตรา จำเลยที่ 3 มีความผิดมาตรา 341 และ 343 ให้จำคุก 7 กระทงๆ ละ 3 ปี รวม 21 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้วให้จำคุกสูงสุดตามกฎหมายเป็นเวลา 20 ปี ขณะที่ น.ส.ศติยาพร และ น.ส.ตรีสุคนธุ์ จำเลยที่ 4-5 ให้จำคุกคนละ 1 ปี และให้ริบอาวุธปืนของกลาง ทั้งนี้ ศาลให้นายธนวรรษ หรือหมอการเวก จำเลยที่ 1 และ น.ส.สุมิตรา จำเลยที่ 3 ร่วมกันชดใช้เงินคืนให้ผู้เสียหายทั้ง 7 รายด้วย เป็นเงิน 1,882,070 บาท และให้นางจุฑาทิพย์ จำเลยที่ 2 ชดใช้เงินคืนให้ผู้เสียหายรวม 4 ราย เป็นเงิน 1,507,000 บาท
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น