หนุ่มแสบแอบอ้างเป็นนักข่าว จ.นครพนม หลอกสาวใหญ่ขายโควต้าลอตเตอรี่ 1 หมื่นเล่ม หรือ 1 ล้านฉบับให้ ในราคา 70 ล้านบาท โดยวางเงินมัดจำล่วงหน้า 2 ล้านบาท ผ่านไป 2 เดือนยังไม่ได้โควตา มั่นใจว่าสูญเงิน 2 ล้านบาท จึงเข้าแจ้งความต่อตำรวจให้ดำเนินคดี
เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 16 ก.ย. 58 น.ส.อภิญญา สว่างเมฆ อายุ 40 ปี เจ้าของร้านขายวัสดุก่อสร้าง อำเภอบางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้ให้ข้อมูลต่อผู้สื่อข่าวกรณีถูกแก๊งคนร้ายจำนวน 7 คน ร่วมกันฉ้อโกงเงินจำนวน 2 ล้านบาทไป โดยหลอกขายโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวน 10,000 เล่ม หรือ 1 ล้านฉบับให้ในราคา 70 ล้านบาท โดยของวางเงินมัดจำก่อนล่วงหน้าจำนวน 2 ล้านบาท ซึ่งมีนายธนพล หรือบอส ศรีวงศ์ราช อายุ 46 ปี อ้างตัวว่าเป็นผู้สื่อข่าวสมาคมนักข่าว จ.นครพนม ร่วมกับคือ น.ส.กาญจนา เงินงาม อายุ 47 ปี นายยุทธนา สีสุวงษ์ และพวกอีก 4 คน หลักจากวางเงินมัดจำไปแล้ว 2 เดือน ยังไม่ได้โควตาตามที่ตกลงกันไว้จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ซึ่งได้แจ้งความไว้กับ ร.ต.ท.ศุภลักษณ์ พรมวงษ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี สาขารัตนาธิเบศร์ อ.เมือง จ.นนทบุรี เมื่อเดือน ก.ค. 58 และได้มาให้ปากคำเพิ่มเติมในวันนี้
จากการสอบถาม น.ส.อภิญญาเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 58 ได้มีคนรู้จัก 2 คนอ้างว่ามีพรรคพวกทำงานที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและมีความสนิทสนมกับผู้ใหญ่ซึ่งมีลอตเตอรี่แน่นอน และได้นัดแนะไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง และได้นัดนายธนพล หรือบอส กับนางกาญจนามาหาตนและรู้จักกัน แสดงตนว่าเป็นนักข่าวโดยแสดงบัตรให้ดู จากนั้นได้บอกว่าได้รับการแต่งตั้งจากสำนักสลากฯ ให้เป็นผู้ตรวจและควบคุมราคาลอตเตอรี่ไม่ให้ขายราคาเกิน 80 บาท และเขากำลังหาคนซื้อลอตเตอรี่ซึ่งได้รับการแต่งตั่งจาดสมาคมนักข่าว จ.นครพนม มีเอกสารครบ ถ้ามีการจองโควตาลอตเตอรี่ต้องมีการวางเงินมัดจำ 2 ล้านบาท โดยก่อนที่จะวางเงินมัดจำมีการนำเอกสารของกระทรวงการคลังและอ้างตนว่าเป็นหลานของรองปลัดกระทรวงการคลัง มีนายยุทธนา อดีตปลัดฯ และเป็นลุง มีความสนิทกับทางกองสลาก ตนจึงหลงเชื่อว่ามีโควตาจริง จึงได้เบิกเงินสดให้ไป 1 ล้านบาท จากนั้นได้ตีเช็คให้ไปอีก 1 ล้านบาท ในนามนายยุทธนา เลขาสมาคมนักข่าวฯ และในวันรุ่งขึ้นนายยุทธนาได้ไปขึ้นเงินจากธนาคาร หลังจากวางเงินมัดจำแล้วภายใน 7 วันจะมีหนังสือเชิญจากกองสลากเพื่อไปทำสัญญา ผ่านไปเรื่องก็เงียบจึงโทร.ไปติดตามก็ผลัดเรื่อยมา จนเลยเป็นเดือนกว่าจึงโทร.ไปที่สมาคมฯ แต่ก็รอนานผิดปกติ 2 เดือนกว่า ตนจึงไปตรวจสอบที่กระทรวงการคลัง และเข้าพบกับรองปลัดฯ ว่าเอกสารฉบับนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าและไม่รู้จักบุคคลที่แอบอ้าง จึงได้เข้าแจ้งความ
น.ส.อภิญญาเปิดเผยต่อว่า เงินมันเสียไปแล้วและเป็นเงินจำนวนมากที่ทำงานมาด้วยความบริสุทธิ์ กลับถูกกลุ่มคนเหล่านี้มาฉ้อโกงไป แก๊งพวกนี้เอาเอกสารมาหากินมันง่ายเกินไป ไม่อยากให้ประชาชนต้องถูกหลอกแบบตนอีก อยากให้ตนเป็นคนสุดท้ายไม่อยากให้ไปเกิดกับใครอีกและไม่ต้องตกเป็นเหยื่ออีก ส่วนคนที่หลอกลวงคนอื่นก็ต้องรับผิดจะถึงขั้นฟ้องศาลก็ต้องดำเนินคดีไป
สำหรับทางด้านคดีนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบเอกสารทั้งหมดพร้อมทั้งจะออกหมายเรียกนายธนพล และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้ง 7 คนมาสอบปากคำ หากพบว่ากระทำผิดก็จะแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทันที และส่วนเอกสารที่นำมาให้ผู้เสียหายดูเมื่อตรวจสอบหากพบว่าเป็นของปลอม ก็จะแจ้งข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางราชการต่อไป