ASTV ผู้จัดการ - พล.ต.อ.สมยศ ผบ.ตร.ทำบันทึกลับรายงาน 6 พฤติกรรมส่วย ตม.ฟ้อง “บิ๊กตู่” ร้องขอให้หน่วยเกี่ยวข้องตรวจสอบ สั่งด่วน! หัวหน้าจเรฯ สอบข้อเท็จจริง กำชับต้องรายงานผลก่อน 23 ก.ย.นี้
วันนี้ (10 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ทำหนังสือบันทึกลับด่วนที่สุด ลงวันที่ 9 ก.ย. ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เรื่องรายงานพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า
“ด้วยในห้วงที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับข้อมูลเบาะแสจากประชาชนทั่วไป บริษัทผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจชาวต่างประเทศ ที่เดินทางเข้าออกประเทศไทย ประกอบกับข้อมูลที่ได้สืบสวนในทางลับเกี่ยวกับพฤติการณ์ในการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจบางส่วนในสังกัด สตม. ที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยสามารถสรุปได้ 6 ข้อ คือ
1. การรับจ้างทำเรื่องขออยู่ต่อในประเทศไทยอย่างกฎหมายโดยมีตำรวจ ตม.บางกลุ่มทำธุรกิจรับจ้างขยายเวลาการอยู่ในประเทศไทย โดยการทุจริตต่างๆ เพื่อให้เข้าเงื่อนไขของการขยายเวลาการอยู่ในประเทศ เช่น การเปลี่ยนวีซ่าจากประเภทนักท่องเที่ยว เป็นวีซ่านักธุรกิจโดยมิชอบ บางรายใช้วิธีการให้วีซ่านักศึกษา โดยการจัดหาสถานศึกษาโดยไม่ต้องเข้าเรียน ซึ่งปัจจุบันค่าจ้างประมาณ 12,000-15,000 บาท นอกจากนี้ยังมีวิธีรับจ้างทำสมุดบัญชีเงินฝากให้มีเงินในบัญชีไม่น้อยกว่า 800,000 บาท เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขการอยู่อาศัยในช่วงบั้นปลายชีวิต เรียกเก็บค่าตอบแทนมากว่า 3,000 บาท
2. พบพฤติกรรมตำรวจ ตม.ที่ทำอิน-เอาต์ หรือพิธีการเข้า-ออกประเทศ โดยไม่ถูกต้อง ทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่าชาวต่างชาติต้องการอยู่ในประเทศไทยโดยไม่มีเหตุอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย ใช้วิธีแนะนำชาวต่างชาติที่ต้องการอยู่ต่อโดยไม่มีเหตุผลอ้างตามกฎหมายให้เดินทางไปที่ด่าน ตม.กาญจนบุรี และ ตม.สระแก้ว เพื่อให้รับรองการเดินทางออกและเข้าประเทศ เพื่อขยายระยะเวลาในการอยู่ในประเทศไทยไปอีกครั้งละ 15 วัน
3. มีการยินยอมให้คนเข้าออกเมืองโดยผิดกฎหมาย รับเงินสินบนให้คนเข้าเมืองได้อย่างผิดกฎหมาย ทั้งกรณีที่ไม่มีหนังสือเดินทาง และมีหนังสือเดินทางแต่ไม่ลงข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นช่องทางของการค้ามนุษย์
4. มีการประทับตราการเดินทางเท็จเพื่อส่งคนไปประเทศที่ 3 เจ้าหน้าที่ ตม.บางคนได้ลักลอบนำตราประทับไปรับรองการเดินทางเข้าและออก ว่าบุคคลดังกล่าวเคยเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อให้ปรากฏประเทศต้นทางและใช้อ้างในการเดินทางไปยังประเทศที่ 3
5. มีพฤติกรรมขายบัตร ตม.6 ที่เป็นเอกสารเข้าออก-ทำงานในไทย โดยพบในด่าน ตม.ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น มุกดาหาร หนองคาย มีการขาย แบบ ตม.6 ให้แก่ชาวลาวและเวียดนามที่เดินทางทางเข้ามาทางานในประเทศไทย โดยหากผู้ใดใช้แบบฟอร์มจากที่อื่นซึ่งไม่ได้ซื้อก็จะกล่าวหาว่าเป็นแบบฟอร์มปลอม ซึ่งกรณีเช่นนี้เคยถูกผู้เดินทางบันทึกภาพและร้องเรียนมาแล้วเมื่อประมาณ 4-5 เดือนก่อน แต่ปรากฏว่าด่าน ตม.มุกดาหาร ได้ตรวจหาผู้ที่บันทึกภาพและเรียกคนดังกล่าวมาเพื่อให้ลบภาพต่อหน้า แล้วข่มขู่ให้ให้การว่าเข้าใจผิด จากนั้นก็อำพรางการกระทำผิดด้วยการได้ติดฟิล์มตู้เก็บเงินจนมืดและมีเจ้าหน้าที่ตรวจตราไม่ให้คนบันทึกภาพโดยยังเรียกเก็บเงินเช่นเดิม
6. มีบางคนทำ VISA on Arrival (การขอวีซ่า ณ ด่าน ตม.) นอกเหนือจากค่าธรรมเนียม โดยพบที่ ในด่าน ตม.สุวรรณภูมิ ตม.ดอนเมือง พบมีการเรียกเก็บเงินค่าทำ VISA on Arrival นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมของทางราชการ เป็นเงิน 300-500 บาท ต่อคน แต่ละวันประมาณมีผู้ต้องจ่าย 6,000 คน เฉลี่ยเรียกเก็บคนละ 300 บาท คิดเป็นเงินกว่า 1,800,000 บาท ต่อวัน โดยไม่ทราบว่าเงินดังกล่าวถูกแบ่งไปยังใครบ้าง
เนื่องจากงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นด่านแรกของการคัดกรองบุคคลที่เดินทางเข้าออกราชอาณาจักร และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงของประเทศ ดังนั้นเพื่อให้การตรวจสอบข้อมูลตามที่ ตร.ได้รับแจ้งดังกล่าวข้างต้นเป็นไปด้วยความโปร่งใสเป็นธรรม และตรงไปตรงมาเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเป็นรูปธรรมและยั่งยืน จึงขอกราบเรียนมายังท่าน เพื่อโปรดพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการไปดำเนินการตรวจสอบข้อมูลกรณีดังกล่าวต่อไป” หนังสือดังกล่าวระบุ
ทั้งนี้ ยังมีรายงานอีกว่า พล.ต.อ.สมยศยังได้มีคำสั่งลับด่วนที่สุด สั่งการให้ พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ จตร. (หน.จต.) ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้าราชตำรวจในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในกรณีดังกล่าว และให้รายงานผลให้ทราบภายในวันที่ 23 กันยายนนี้