ตำรวจนำตัว “อาเดม คาราดัก” ชาวเติร์ก มือประกอบระเบิดแยกราชประสงค์ ไปฝากขัง-ค้านประกันตัวที่ศาลมีนบุรี เหตุเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต ก่อน จนท.ราชทัณฑ์จะคุมตัวเข้าเรือนจำ
ที่ศาลจังหวัดมีนบุรี เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (5 ก.ย.) พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น.3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายอาเดม คาราดัก หรือนายบีลาเติร์ก มูฮัมหมัด อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย กรณีมีความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่บริเวณท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ไปยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 5-16 ก.ย.นี้
พล.ต.ต.สมประสงค์เปิดเผยว่า ได้นำตัวผู้ต้องหามาฝากขังครั้งแรก และพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี ขณะที่นายอาเดมได้เดินลงจากรถควบคุมผู้ต้องขังด้วยสีหน้าเรียบเฉยพร้อมก้มหน้า
ทั้งนี้ คำร้องฝากขังระบุว่า เนื่องจากพนักงานสอบสวนยังต้องรอสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก หลายปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหา รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลางหลายรายการ และอื่นๆ
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ อัตราโทษสูง หากได้รับการประกันเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีออกนอกประเทศ หรือไปก่อเหตุซ้ำอีก ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายอาเดม ผู้ต้องหาขึ้นรถเรือนจำเพื่อไปควบคุมยังเรือนจำพิเศษมีนบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่คอยคุ้มกันอย่างเข้มงวด ขณะที่เจ้าหน้าที่ รปภ.ของศาลก็คอยตรวจรถที่ผ่านเข้าออกเพื่อดูแลความปลอดภัยบริเวณพื้นที่โดยรอบศาลจังหวัดมีนบุรี
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่ผู้ต้องหาใช้ชื่อ อาเดม คาราดัก สัญชาติตุรกี เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าใช้พาสปอร์ตดังกล่าวซื้อซิมโทรศัพท์มาใช้ คาดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งชื่อจริงนั้นจากการสอบปากคำยืนยันว่าคือ นายบิลาเติร์ก มูฮัมหมัด สัญชาติตุรกี ไม่ใช่สัญชาติปาเลสไตน์ โดยที่ไม่ได้มีออกหมายจับเนื่องจากผู้ต้องหาดังกล่าวถูกจับกุมได้ซึ่งหน้าพร้อมกับพยานหลักฐานที่ใช้ในการประกอบวัตถุระเบิด