พบแก๊งบึ้มราชประสงค์โยงคน 3 จังหวัดใต้ในขบวนการโรฮีนจา

พบแก๊งระเบิดราชประสงค์-สะพานสาทร เชื่อมโยงคนพื้นที่ 3 จังหวัดใต้ ในเรื่องชาวโรฮีนจา ระบุ “ฝักแคสีชมพู” ที่ใช้ประกอบระเบิดไม่มีขายในไทย ต้องนำจากมาเลเซีย อีกทั้งยังเคยเจอใช้ก่อการร้ายที่ภาคใต้ เตรียมให้แพทย์ดูแผลเป็นที่คาง “ยูซูฟู” ว่าเกิดจากอุบัติเหตุระหว่างผสมสารเคมีหรือไม่ รวมถึงตรวจลายนิ้วมือบนกระดาษจดสูตรเคมี หลังเจ้าตัวยังปากแข็งให้การปฏิเสธ

วันนี้ (3 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบปากคำนายยูซูฟู มีไรลี ผู้ต้องสงสัยในคดีวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม และสะพานสาทร ให้การว่าในวันและเวลาเกิดเหตุตนไปเดินเล่นอยู่ที่บริเวณเซ็นทรัลเวิลด์จริงแต่ไม่ได้เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ โดยต้องไปตรวจสอบว่ากล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าวสามารถจับภาพนายยูซูฟูไว้ได้หรือไม่ ซึ่งตามพยานหลักฐานที่เป็นวัสดุประกอบระเบิดที่ค้นได้ในห้องพักพูลอนันต์อพาร์ทเมนต์ของนายยูซุฟู และนายบิลาเติร์ก มูฮัมหมัด สามารถชี้ชัดได้แล้วว่าทั้งสองต้องมีส่วนรู้เห็นในการระเบิดครั้งนี้ เช่นเดียวกับ น.ส.วรรณา สวนสัน และนายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู ที่เป็นคนมาเปิดห้องเช่าให้ผู้ต้องสงสัยทั้งสองรายพักก็ต้องมีส่วนรู้เห็นเช่นกัน โดยช่วงเย็นเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ตำรวจได้นำพยานมาชี้ยืนยันว่านายยูซูฟูได้พักอาศัยอยู่ที่ห้อง 414 พูลอนันต์อพาร์ทเมนต์จริง และตรงกับลายนิ้วมือที่บนหลักฐานที่พบในห้องดังกล่าวด้วย

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าสามารถจับชายไทย สัญชาติไทยได้ที่ จ.นราธิวาส และมีส่วนเกี่ยวข้องกับ น.ส.วรรณาหรือไม่นั้น ชายคนดังกล่าวถูกทหารควบคุมตัวได้ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 1 ก.ย. จากการสอบปากคำเบื้องต้นยังไม่มีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิด เป็นเพียงคนที่เกี่ยวข้องกับการพาคนออกนอกประเทศโดยผิดกฎหมาย และเคยติดต่อกับ น.ส.วรรณา เพราะเป็นชาว อ.คุระบุรี จ.พังงา ซึ่งสถานที่ดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สามารถออกไปประเทศมาเลเซียได้ นอกจากนี้พบหลักฐานว่า น.ส.วรรณาเคยเดินทางไปประเทศมาเลเซีย โดยทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันคือชายคนดังกล่าวช่วยเหลือ น.ส.วรรณาในการเดินทางไปประเทศมาเลเซียเท่านั้น ทั้งนี้น่าเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายต้องรู้จักกับกลุ่มคนพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และช่วยเหลือการลำเลียงคนผ่านเส้นทาง 3 จังหวัดเพื่อไปประเทศมาเลเซีย

มีรายงานอีกว่า กลุ่มคนร้ายมีความเชื่อมโยงกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเรื่องของชาวโรฮีนจา มีความเชื่อมโยงกับคดีระเบิดทั้ง 2 แห่ง เพราะเชื้อปะทุและฝักแคที่ใช้จุดชนวนระเบิดนั้นจากการตรวจสอบพบว่าฝักแคจะใช้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และโรงโม่ ซึ่งจะมีการแบ่งแยกสีออกเป็นสีต่างๆ เพราะมีความแตกต่างกันในเรื่องของการหน่วงเวลา หมายความว่า เช่น ฝักแคยาว 1 ฟุต อาจจะหน่วงเวลาไม่เท่ากัน ส่วนฝักแคสีชมพูที่พบในที่เกิดเหตุไม่มีขายทั่วไปในประเทศไทย แต่มีขายในประเทศมาเลเซีย เพราะเป็นยุทธภัณฑ์ที่ราชการไม่อนุญาตให้มีไว้ในความครอบครอง แต่ปรากฏว่าพบหลักฐานเมื่อปี 2551 และ 2553 เคยใช้ก่อเหตุวางระเบิดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม ต้องไปหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่าคนร้ายจุดชวนระเบิดด้วยวิธีใด เพราะในที่เกิดเหตุไม่เจอหลักฐานตัวจุดชนวน แต่ตอนที่ไปค้นห้องพักเจอนาฬิกาดิจิตอลและรถบังคับวิทยุขนาดเล็ก จึงน่าเชื่อว่าคนร้ายอาจจุดชวนจากการตั้งเวลาด้วยนาฬิกา

ทั้งนี้ ชุดสืบสวนยังไม่มั่นใจว่าระเบิดทั้งสองแห่งเป็นทีเอ็นที หรือซีโฟร์ เนื่องจากมีสารตั้งต้นที่เหมือนกัน แต่ในที่เกิดเหตุทั้งสองแห่งไม่พบสารดังกล่าวเหลือให้ตรวจสอบว่าจริงๆ แล้วสารดังกล่าวเป็นทีเอ็นทีหรือซีโฟร์ ทั้งนี้ยังมีข้อสงสัยอีกว่าอาจจะไม่ใช่ทีเอ็นทีหรือซีโฟร์ เพราะจากการตรวจสอบห้องพักของนายยูซูฟูเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งซึ่งมีสูตรในการผสมจนตกผลึกแห้งคล้ายกับทีเอ็นที ทั้งนี้ยังพบกระดาษจดสูตรผสมสารเคมีห้องอีกด้วย แต่นายยูซูฟูให้การว่าเป็นสูตรที่คนรู้จักให้มา เมื่ออีโอดีเห็นสูตรดังกล่าวได้ยืนยันว่าคือ สูตรพีอีทีเอ็น (P.E.T.N.) ทั้งนี้ จากการตรวจสอบร่างกายของนายยูซูฟูพบว่ามีรอยแผลเป็นบริเวณคางด้านขวานั้น นายยูซูฟูให้การว่าเป็นแผลที่เกิดจากการเตะฟุตบอล อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การดังกล่าว โดยได้ให้แพทย์ทหารมาตรวจสอบบาดแผลว่าเกิดจากอุบัติเหตุการผสมสารเคมีหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบลายนิ้วมือบนกระดาษจดสูตรเคมีที่พบในห้องพักว่าตรงกับลายมือของนายยูซุฟู เพราะน่าเชื่อว่านายยูซูฟูอาจจะเขียนสูตรนี้ขึ้นมาเองเนื่องจากมีความรู้ด้านเคมีเพราะเคยเรียนสาขาเทคนิคการแพทย์ที่มหาวิทยาลัยในประเทศจีน

ส่วนที่มีการไปตรวจค้นอาคารสูง 9 ชั้นย่านรามคำแหง เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากนายยูซูฟูให้การว่าได้เดินทางเข้าออกประเทศไทยมาปีกว่า เคยขายโทรศัพท์มือถืออยู่ที่อาคารดังกล่าว และยังมีเพื่อนที่รู้จักกันอีกหลายคน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปตรวจสอบโดยคาดว่าอาจมีกลุ่มคนร้ายหลบซ่อนตัวอยู่ นอกจากนี้ ชุดสืบสวนยังได้เชิญพยานซึ่งเป็นคนขับแท็กซี่สีเขียว-เหลือง อีก 1 คน ชาวบุรีรัมย์ มาให้ปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากพบว่าเป็นผู้รับส่งกลุ่มผู้ต้องหาจากห้องพักย่านหนองจอก พร้อมทั้งขนปุ๋ยยูเรียไปส่งที่สถานีขนส่งผู้โดยสารสายใต้ใหม่ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้