ASTV ผู้จัดการ - รวบตีนแมวฉายา “โจรเสื้อลาย บ่ายสามโมง” ก่อเหตุมาแล้วกว่า 100 ครั้ง เผยชอบใส่เสื้อลายก่อเหตุกลางวัน ลักทรัพย์ตามห้องพักอพาร์ตเมนต์ คอนโดฯ และแมนชั่น ฉวยจังหวะเจ้าของห้องออกไปทำงาน สร้างความเดือดร้อนไปทั่วเขตคลองตันและพื้นที่ใกล้เคียง สารภาพได้ทรัพย์สินมาเอาไปเร่ขายตามตลาดนัด ส่วนบัตรเอทีเอ็มเก็บไว้ อ้างชื่นชอบ
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ สน.คลองตัน พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร., พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป์ ผบก.น.5, พ.ต.อ.ภาดล ประภานนท์ รอง ผบก.น.5 และ พ.ต.อ.ชัยพล เอกกุลผกก.สน.คลองตัน พ.ต.ท.ธนาวุฒิ เปียผ่อง รอง ผกก.สส.สน.คลองตัน พ.ต.ท.สิริพงษ์ วรผลึก สว.สส.สน.คลองตัน พ.ต.ท.พลวรรธน์ พุ่มสวัสดิ์ สว.สส.สน.คลองตัน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.คลองตัน แถลงผลการจับกุมตัว นายพิชัย แซ่ตั้ง อายุ 43 ปี พร้อมด้วยของกลางจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นสปาร์ค นาโน สีดำ หมายเลขทพเบียน ฬปน 877 กทม., โทรศัพท์มือถือกว่า 50 เครื่อง, สร้อยคอทองคำ, พระเลี่ยมทอง, อุปกรณ์งัดแงะ, กระเป๋าสะพาย, กระเป๋าเงิน และของกลางอื่นๆ รวมกว่า 200 รายการ ได้ที่ห้องเลขที่ 305 บ้านเรณู 915/7 ซ.อุดมสุข 26 แยก 31 แขวงและเขตบางนา กทม. เมื่อ 17.00 น.ของวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.เรืองศักดิ์กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเหตุการณ์มีคนร้ายเป็นชายใส่เสื้อลายก่อเหตุลักทรัพย์สินตามห้องพักอพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม และแมนชั่น สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ สน.คลองตัน และท้องที่ใกล้เคียงทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลหลายคดี โดยจะเลือกลงมือในช่วงเวลากลางวัน คนร้ายอาศัยจังหวะที่เจ้าของห้องออกไปทำงาน แม้แต่สถานที่ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงที่ใช้ระบบคีย์การ์ดเปิดประตูเข้า-ออก คนร้ายจะเตรียมอุปกรณ์สำหรับใช้เปิดประตูแต่ละประเภทเข้าไปลักเอาทรัพย์สิน และจะก่อเหตุกับห้องข้างเคียง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงออกสืบสวนและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งสามารถบันทึกภาพคนร้ายสวมเสื้อคอปกแขนสั้นลายขวาง ขณะกำลังหลบหนีไว้ได้อย่างชัดเจน กระทั่งนำมาสู่การจับกุมดังกล่าว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหาเคยต้องโทษในคดีจำหน่ายยาเสพติดพื้นที่ สน.ทองหล่อ และคดีลักทรัพย์พื้นที่ สน.พญาไท พ้นโทษมาเมื่อปี 2554 และก่อเหตุลักทรัพย์มาประมาณ 1 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2557 ลงมือก่อเหตุมากกว่า 100 ครั้ง ในพื้นที่ สน.คลองตัน 20 ครั้ง สน.พระโขนง 20 ครั้ง สน.บางนา 20 ครั้ง สน.อุดมสุข 10 ครั้ง สน.หัวหมาก 10 ครั้ง สน.ประเวศ 5 ครั้ง และ สน.สำโรงเหนือ 20 ครั้ง
นายพิชัยให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุเข้าไปลักทรัพย์ในอาคารบ้านพักในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มาแล้วไม่น้อยกว่า 100 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2557 โดยจะเลือกก่อเหตุในช่วงเวลากลางวัน เนื่องจากเจ้าของห้องจะออกไปเรียนหรือทำงาน ไม่มีคนอยู่ห้อง สะดวกในการลงมือ และจะแอบตามบุคคลที่เข้าออกอาคารเข้าไปหากต้องใช้คีย์การ์ด หลังจากได้ทรัพย์สินมาแล้วนำทรัพย์สินที่ได้ไปขายตามตลาดนัด และสถานที่ต่างๆ นำเงินที่ได้มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และซื้อยาเสพติดมาเสพ สำหรับบัตรเอทีเอ็มที่ได้มานั้นตนได้นำมาเก็บสะสมไว้เพราะชื่นชอบ ไม่ได้นำไปกดแต่อย่างใด
ด้าน น.ส.เวท แสงชิจักร อายุ 44 ปี หนึ่งในผู้เสียหายกล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากเลิกงานกลับมาที่ห้อง พบความผิดสังเกตว่าเศษเหรียญบาทที่เก็บสะสมเอาไว้ประมาณ 300 บาทหายไป จึงถามสามีว่าสามีได้เอาไปหรือไม่ แต่สามีบอกไม่ได้เอาไปแต่อย่างใด ตนเลยเอะใจไปตรวจสอบทรัพย์สินอื่นๆ ที่เก็บไว้พบว่าทองคำซึ่งเป็นของขวัญแต่งงานหายไป และยังมีทรัพย์สินอื่นๆ หายไปอีกหลายรายการ ได้แก่ กล้องถ่ายภาพดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ จึงไปขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของที่พัก พบว่าได้มีคนร้ายงัดห้องเข้ามาขโมยทรัพย์สินจึงรีบไปแจ้งความทันที หลังจากเกิดเหตุตนก็รู้สึกระแวงมากว่าคนร้ายจะกลับมาก่อเหตุอีก หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตันจับกุมคนร้ายได้แล้วนั้นก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคล หรือทรัพย์ หรือโดยผ่านเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และบุกรุกเคหสถาน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (3), (8) (ตั้งแต่สองอนุมาตราขึ้นไป) ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-7 และปรับตั้งแต่ 2,000-14,000 บาท และข้อหาบุกรุกมาตรา 362 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ สน.คลองตัน พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร., พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป์ ผบก.น.5, พ.ต.อ.ภาดล ประภานนท์ รอง ผบก.น.5 และ พ.ต.อ.ชัยพล เอกกุลผกก.สน.คลองตัน พ.ต.ท.ธนาวุฒิ เปียผ่อง รอง ผกก.สส.สน.คลองตัน พ.ต.ท.สิริพงษ์ วรผลึก สว.สส.สน.คลองตัน พ.ต.ท.พลวรรธน์ พุ่มสวัสดิ์ สว.สส.สน.คลองตัน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.คลองตัน แถลงผลการจับกุมตัว นายพิชัย แซ่ตั้ง อายุ 43 ปี พร้อมด้วยของกลางจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นสปาร์ค นาโน สีดำ หมายเลขทพเบียน ฬปน 877 กทม., โทรศัพท์มือถือกว่า 50 เครื่อง, สร้อยคอทองคำ, พระเลี่ยมทอง, อุปกรณ์งัดแงะ, กระเป๋าสะพาย, กระเป๋าเงิน และของกลางอื่นๆ รวมกว่า 200 รายการ ได้ที่ห้องเลขที่ 305 บ้านเรณู 915/7 ซ.อุดมสุข 26 แยก 31 แขวงและเขตบางนา กทม. เมื่อ 17.00 น.ของวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.เรืองศักดิ์กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเหตุการณ์มีคนร้ายเป็นชายใส่เสื้อลายก่อเหตุลักทรัพย์สินตามห้องพักอพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม และแมนชั่น สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ สน.คลองตัน และท้องที่ใกล้เคียงทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลหลายคดี โดยจะเลือกลงมือในช่วงเวลากลางวัน คนร้ายอาศัยจังหวะที่เจ้าของห้องออกไปทำงาน แม้แต่สถานที่ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงที่ใช้ระบบคีย์การ์ดเปิดประตูเข้า-ออก คนร้ายจะเตรียมอุปกรณ์สำหรับใช้เปิดประตูแต่ละประเภทเข้าไปลักเอาทรัพย์สิน และจะก่อเหตุกับห้องข้างเคียง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงออกสืบสวนและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งสามารถบันทึกภาพคนร้ายสวมเสื้อคอปกแขนสั้นลายขวาง ขณะกำลังหลบหนีไว้ได้อย่างชัดเจน กระทั่งนำมาสู่การจับกุมดังกล่าว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหาเคยต้องโทษในคดีจำหน่ายยาเสพติดพื้นที่ สน.ทองหล่อ และคดีลักทรัพย์พื้นที่ สน.พญาไท พ้นโทษมาเมื่อปี 2554 และก่อเหตุลักทรัพย์มาประมาณ 1 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2557 ลงมือก่อเหตุมากกว่า 100 ครั้ง ในพื้นที่ สน.คลองตัน 20 ครั้ง สน.พระโขนง 20 ครั้ง สน.บางนา 20 ครั้ง สน.อุดมสุข 10 ครั้ง สน.หัวหมาก 10 ครั้ง สน.ประเวศ 5 ครั้ง และ สน.สำโรงเหนือ 20 ครั้ง
นายพิชัยให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุเข้าไปลักทรัพย์ในอาคารบ้านพักในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มาแล้วไม่น้อยกว่า 100 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2557 โดยจะเลือกก่อเหตุในช่วงเวลากลางวัน เนื่องจากเจ้าของห้องจะออกไปเรียนหรือทำงาน ไม่มีคนอยู่ห้อง สะดวกในการลงมือ และจะแอบตามบุคคลที่เข้าออกอาคารเข้าไปหากต้องใช้คีย์การ์ด หลังจากได้ทรัพย์สินมาแล้วนำทรัพย์สินที่ได้ไปขายตามตลาดนัด และสถานที่ต่างๆ นำเงินที่ได้มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และซื้อยาเสพติดมาเสพ สำหรับบัตรเอทีเอ็มที่ได้มานั้นตนได้นำมาเก็บสะสมไว้เพราะชื่นชอบ ไม่ได้นำไปกดแต่อย่างใด
ด้าน น.ส.เวท แสงชิจักร อายุ 44 ปี หนึ่งในผู้เสียหายกล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากเลิกงานกลับมาที่ห้อง พบความผิดสังเกตว่าเศษเหรียญบาทที่เก็บสะสมเอาไว้ประมาณ 300 บาทหายไป จึงถามสามีว่าสามีได้เอาไปหรือไม่ แต่สามีบอกไม่ได้เอาไปแต่อย่างใด ตนเลยเอะใจไปตรวจสอบทรัพย์สินอื่นๆ ที่เก็บไว้พบว่าทองคำซึ่งเป็นของขวัญแต่งงานหายไป และยังมีทรัพย์สินอื่นๆ หายไปอีกหลายรายการ ได้แก่ กล้องถ่ายภาพดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ จึงไปขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของที่พัก พบว่าได้มีคนร้ายงัดห้องเข้ามาขโมยทรัพย์สินจึงรีบไปแจ้งความทันที หลังจากเกิดเหตุตนก็รู้สึกระแวงมากว่าคนร้ายจะกลับมาก่อเหตุอีก หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตันจับกุมคนร้ายได้แล้วนั้นก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคล หรือทรัพย์ หรือโดยผ่านเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และบุกรุกเคหสถาน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (3), (8) (ตั้งแต่สองอนุมาตราขึ้นไป) ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-7 และปรับตั้งแต่ 2,000-14,000 บาท และข้อหาบุกรุกมาตรา 362 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป