เจ้าหน้าที่บุกตลาดศรีสมรัตน์ เขตจตุจักร พบมีการลักลอบขายนกกรงหัวจุก เจอทั้งหมด 212 ตัว เจ้าของหนีไปได้ เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีในข้อหามีสัตว์ป่าสงวนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
วานนี้ (28 ส.ค.) เมื่อเวลา 19.00 น. นายสมศักดิ์ ภู่เพ็ชร ผอ.ส่วนยุทธการด้านป้องกันปราบปราม สำนักป้องปันปราบปรามและควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมด้วยนายมนต์ชัย ชื่นอารมย์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ 1362 นายถิรเดช ปาละสุวรรณ ผัวหน้าฝ่ายป้องกันและปราบปราม สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า และนายสินชัย เอกทรัพย์สกุล หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษที่ 4 สปป.1 (ภาคสนาม) และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ตำรวจ บก.ปทส.จำนวน 20 นาย นำหมายค้นศาลอาญา เลขที่ 291/2558 ลงวันที่ 28 ส.ค. 58 เข้าตรวจค้นห้องเลขที่ บี 215 และบี 216 ภายในตลาดศรีสมรัตน์ แขวงและเขตจตุจักร กทม.
จากการตรวจสอบพบว่า ตลาดดังกล่าวแบ่งซอยเป็นห้องให้เช่าเพื่อจำหน่ายนกประเภทต่างๆ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปในห้องดังกล่าวก็ไม่พบเจ้าของห้องแต่อย่างใด แต่ภายในห้องบี 215 เจ้าหน้าที่พบนกกรงหัวจุกจำนวน 116 ตัว แบ่งขังอยู่ในกรงไม้ 23 กรง กรงเหล็ก 24 กรง ส่วนห้องเลขที่บี 216 พบนกกรงหัวจุกจำนวน 96 ตัวถูกขังอยู่ในกรง รวมจำนวนทั้งหมด 212 ตัว รวมมูลค่า 63,600 บาท จึงยึดทั้งหมดไว้เป็นของกลาง ก่อนส่ง บก.ปทส.ดูแลต่อไป
นายสมศักดิ์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานจากสายลับว่าจะมีการลำเลียงสัตว์ป่าสงวนประเภทนกกรงหัวจุกจำนวนมากเข้ามาเก็บไว้ในตลาดดังกล่าวจึงนำกำลังเข้าไปดักซุ่มเพื่อสังเกตการณ์ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่พบว่ามีการลำเลียงนำเข้ามาเก็บไว้ในห้องทั้ง 2 ห้องจึงแสดงตัวขอเข้าตรวจค้น แต่ผู้ต้องไหวตัวทันรีบล็อกประตูแล้วหลบหนีไป
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า ทางเจ้าหน้าที่จึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายค้นเข้าไปตรวจสอบซึ่งจากการตรวจค้นภายในห้องดังกล่าวพบนกกรงหัวจุกซุกซ่อนอยู่จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง ทั้งนี้ยังไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของนก หลังจากนี้จะนำนกทั้งหมดไปอนุบาลไว้ที่ฝ่ายสุขภาพสัตว์ป่า กลุ่มงานเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า ก่อนนำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไป พร้อมทั้งประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส.ติดตามจับกุมเจ้าของนกทั้งหมดมาดำเนินคดีในข้อหามีสัตว์ป่าสงวนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ