ASTVผู้จัดการ - ผบช.น. ยอมรับขอหมายจับมือบึ้มสาทรตามภาพวงจรปิด ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน รอหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์เชื่อมโยงระเบิดราชประสงค์หรือไม่ เผยสอบปากคำพยานแล้วกว่า 200 ปาก ส่วนใหญ่เป็นผู้บาดเจ็บ และอยู่ในเหตุการณ์ ส่วนกรณีแท็กซี่ให้การสับสนเรื่องจุดรับส่งผู้ต้องสงสัย บอกไม่ได้ว่ามีพิรุธหรือไม่
วันนี้ (28 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีความคืบหน้าเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ ศาลพระพรหมเอราวัณ และท่าเรือสาทร ว่า ตามที่นำเสนอข่าวไปนั้น ได้ออกหมายจับชายเสื้อฟ้าที่วางระเบิดท่าเรือสาทรแล้ว ในพื้นที่ สน.ยานนาวา ซึ่งเป็นการออกหมายจับตามภาพกล้องวงจรปิด ไม่มีภาพสเกตช์ และยังไม่มีพยานที่ช้ดเจน เพราะในภาพกล้องวงจรปิดนั้น คนร้ายมีรูปพรรณคล้ายคนเอเชีย แต่ไม่สามารถระบุเชื้อชาติ หรือสัญชาติได้ ส่วนความเชื่อมโยงเหตุระเบิดท่าเรือสาธรและแยกราชประสงค์ ศาลพระพรหมเอราวัณนั้น จะต้องรอดูหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ว่าระเบิดดังกล่าวมาจากที่เดียวกันหรือไม่ ทั้งนี้หลังจากเกิดเหตุระเบิดทั้ง 2 แห่งนั้น ได้สอบปากคำพยานไปกว่า 200 ปาก ซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า การสอบปากคำโชเฟอร์แท็กซี่ที่รับผู้ต้องสงสัยมาจากบริเวณทางด่วนพระราม 3 ซึ่งในครั้งแรกให้การว่ารับมาจากบริเวณอาคารชาญอิสสระ พระราม 4 พบว่ามีพิรุธหรือไม่ เป็นเรื่องในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดของ กทม. ได้ครบแล้วหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ยังได้ไม่ครบ ยังขาดอีกไม่มาก ซึ่งยังต้องรอภาพทั้งหมด โดยผ่านมากว่า 10 วัน ยังไม่สามารถตัดหรือสรุปประเด็นการวางระเบิดทั้ง 2 จุดได้ อย่างไรก็ตาม คดีนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาก่อการร้าย เนื่องจากพยานหลักฐานมีแค่ไหนก็แจ้งข้อกล่าวหาไปเท่านั้น เพื่อพิสูจน์ยังไม่ได้ว่าเป็นขบวนการจึงยังไม่เข้าองค์ประกอบ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ยังจะมีการจำลองระเบิดที่เขาหุบสบู่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี หรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่อง แต่ในฐานะพนักงานสอบสวนยังไม่ได้สั่งการอะไร หากจำเป็นต้องดูความแรงของระเบิดอาจจะต้องทำ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องทำ
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า สำหรับโชเฟอร์แท็กซี่ที่รับคนร้ายวางระเบิดราชประสงค์ ค่อนข้างให้การสับสน ครั้งแรกให้การว่ารับคนร้ายจากบริเวณอาคารชาญอิสสระ ถนนพระราม 4 ไปส่งที่หัวลำโพง แต่ชุดสืบสวนได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง แต่ไม่พบว่ามีแท็กซี่คันดังกล่าวใช้เส้นทางในเวลาตามที่ให้ปากคำ จากนั้นชุดสืบสวนจึงได้เชิญตัวโชเฟอร์แท็กซี่มาให้ปากคำอีกครั้ง ระบุว่า รับคนร้ายมาจากบริเวณถนนพระราม 3 ขึ้นทางด่วนถนนจันท์ ลงทางด่วนพระราม 4 (หัวลำโพง) ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทหารจะคุมตัวโชเฟอร์คนดังกล่าวไปสอบสวนเพิ่มเติม