ผบ.ตร.แจงนักข่าวฮ่องกงพกพาเสื้อเกราะผิดกฎหมาย ครอบครองอาวุธตาม พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ขึ้นเครื่องบิน ยันดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (25 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงนักข่าวฮ่องกงถูกกักตัวและแจ้งข้อกล่าวหาครอบครองอาวุธตาม พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 กรณีมีเสื้อเกราะซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครอง ขณะเตรียมขึ้นเครื่องบินกลับฮ่องกงที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังเสร็จสิ้นการรายงานข่าวระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ ว่าตนได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปติดตามเรื่องนี้แล้ว พร้อมทั้งให้ไปทำความเข้าใจต่อสื่อต่างชาติที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ได้มีการอธิบายเหตุผลที่มาที่ไปของเหตุการณ์ว่าเป็นอย่างไรแล้ว เรื่องก็มีว่านักข่าวคนดังกล่าวได้นำเสื้อเกราะและหมวกกันกระสุนเข้ามาในประเทศไทย เมื่อถึงตอนกำลังจะเดินทางกลับประเทศ เจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานไปตรวจค้นเจอก็ได้นำตัวมาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งเสื้อเกราะและเสื้อกันกระสุนตามกฎหมายของประเทศไทยถือว่าเป็นยุทธภัณฑ์ คนทั่วไปไม่สามารถมีไว้ครอบครองได้ เมื่อทางการท่าฯ นำตัวมาส่งตำรวจก็หลีกเลี่ยงการดำเนินคดีไม่ได้ ส่วนในเรื่องการลงโทษหรือการตัดสินของศาลเป็นเรื่องที่อยู่ในดุลพินิจของศาล คงไม่สามารถไปก้าวล่วงได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงการชุมนุมที่ผ่านมามีนักข่าวใช้เสื้อเกราะอย่างเปิดเผย ในอนาคตเราจะสามารถใช้ได้หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตราบใดที่ยังเป็นของผิดกฎหมายก็ใช้ไม่ได้ ส่วนก่อนหน้านี้ที่มีคนใช้ต้องไปดูว่าเป็นเสื้อเกราะอะไร ถึงขั้นยุทธภัณฑ์หรือเปล่า เพราะบางทีเสื้อที่ผู้สื่อข่าวหรือผู้ชุมนุมใช้กันอยู่อาจไม่ถึงขั้นยุทธภัณฑ์ อาจจะเป็นเสื้อกั๊กหนาๆ คล้ายเสื้อเกราะแต่ไม่ใช่ อันนี้ก็ถือเป็นอีกแบบหนึ่ง