ASTVผู้จัดการ - “จักรทิพย์” เผยคดีระเบิดสาทรคืบหน้าพอสมควร พร้อมออกหมายจับ แต่ขอดูความเชื่อมโยงอีกเล็กน้อย ส่วนเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ยันแม้สื่อชี้นำประเด็นอุยกูร์ แต่ตำรวจจะทำไปตามพยายามหลักฐานเพื่อความถูกต้อง มุ่งระบุตัวคนร้ายให้ได้ก่อน
วันนี้ (27 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ หลังมีกระแสข่าวที่ว่าชุดสืบสวนได้นำตัวผู้ต้องสงสัยชาวตุรกีมาสอบสวน ว่า ตนยังไม่ทราบ และยังไม่ได้รับรายงานแต่อย่างใด ขอเวลาตรวจสอบในเรื่องนี้ก่อน โดยจะสอบถามไปยังชุดสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ว่า ถ้าหากมีการสอบสวนจริง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดออก และไม่ได้ให้น้ำหนักประเด็นใดเป็นพิเศษตามที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ย้ำมาโดยตลอด
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กลาวว่า ตนเองเพิ่งทราบข่าวจากสื่อมวลชนเช่นกัน ว่า มีประเด็นของกลุ่มเกรย์วูฟส์ จากประเทศตุรกี ทั้งนี้ โดยปกติแล้วคนกลุ่มแบบนี้มันก็มีอยู่แล้ว เช่น กลุ่มคลั่งศาสนา หรืออะไรทำนองนี้ ที่ประเทศอื่นก็มีอยู่แล้วเช่นกัน อย่างในประเทศไทยเท่าที่ทราบก็มี อาทิ สมาคมฝ่าหลุนกง ซึ่งจากการทำงานด้านความมั่นคงไม่ได้มีเฉพาะกลุ่มนี้เท่านั้น
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวถึงการประสานต่างประเทศให้ตรวจสอบข้อมูลคนร้าย ว่า ขณะนี้ได้ส่งข้อมูลไปให้อินเตอร์โพลเพื่อให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลคนร้ายตามหมายจับแล้วตามที่ไทยมีสนธิสัญญาด้วย เพียงแต่ปัญหาตอนนี้คือเรายังไม่รู้ชื่อคนร้าย จึงระบุประเทศไม่ได้ ซึ่งเท่าที่ได้รับข้อมูลประสานกลับมายังไม่ใช่คนร้ายตามหมายจับ
“ตอนนี้สื่อต่าง ๆ และสื่อออนไลน์มีการชี้นำในประเด็นชาวอุยกูร์กันไปแล้ว แต่ตำรวจไม่กังวล เพราะทำไปตามพยานหลักฐานเพื่อความถูกต้อง ซึ่งตำรวจก็อยากรู้เช่นกันว่าเป็นกลุ่มไหนที่มาทำกับประเทศไทยแบบนี้ สำหรับการส่งกลับชาวอุยกูร์ทางรัฐบาลก็ทำตามหลักกฎหมายถูกต้องแล้ว ส่วนทางกลุ่มสิทธิมนุษยชนจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรนั้นก็เป็นเรื่องของเขา เขาไม่ทำอะไรนอกจากมีหน้าที่จับผิดเจ้าหน้าที่” พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มที่อยู่ในบัญชีความมั่นคง มีศักยภาพเพียงพอที่จะลงมือก่อเหตุที่ราชประสงค์หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ในอดีตยังไม่เคยมีปรากฏเหตุการณ์จากกลุ่มพวกนี้ จากที่ทำงานด้านความมั่นคงมาตลอดไม่เคยมีรุนแรงขนาดนี้ ส่วนเรื่องคนไทยมีส่วนร่วมด้วยหรือไม่นั้น ตนไม่เชื่อว่าคนไทยจะทำกับคนไทยได้ถึงขนาดนี้ แต่ยืนยันไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา ประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง และกลุ่มในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก็ไม่เคยรุนแรงขนาดนี้เป็นไปได้หรือไม่ที่ต่างชาติจะเข้ามาก่อเหตุ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตนคิดว่าในระดับรัฐบาลมีการพูดคุยกันอยู่แล้ว ตำรวจก็ได้นำเรียน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ถึงประเด็นข้อสงสัยข้อสันนิษฐานถึงกลุ่มต่างๆ อยู่แล้ว ทุกหน่วยงานด้านความมั่นคงทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ทั้ง กอ.รมน. สันติบาล และหน่วยข่าวกรองต่าง ๆ ซึ่งข้อมูลหลายอย่างก็สอดคล้องกันรวมทั้งในประเด็นเรื่องอุยกูร์ด้วย
เมื่อถามถึงประเด็นกลุ่มชาวเติร์กหัวรุนแรงในตุรกีที่เคยก่อเหตุเผาสถานทูต พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ก็กำลังตรวจสอบในเรื่องนี้อยู่ ขณะนี้อะไรที่เป็นเบาะแสเป็นข่าวเราก็ได้พิสูจน์ทราบเกือบทุกเรื่อง
ต่อข้อถามว่า เชื่อมโยงเหตุที่ซอยปรีดีพนมยงค์ หรือไม่ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ยังไม่แน่ใจ ตรวจสอบอยู่ ตอนนี้ยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยง ถามว่าได้พูดคุยกับผู้ต้องหาคดีซอยปรีดีฯ หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ทางชุดสืบสวนตำรวจนครบาลคงลงไปคุยแล้ว อย่างไรก็ดี ตำรวจทำงานจากพยานหลักฐานของตนที่มีอยู่ ขณะนี้การสืบสวนเรากำลังหาตัวคนร้ายไม่ได้หาว่าเขาอยู่ไหน แต่กำลังแกะรอยจากวิธีการของเรา ไม่ได้ดูว่าคนร้ายหนีออกไปหรือยัง แต่พยายามระบุตัวคนร้ายให้ได้ ที่ผ่านมาก็ประสานขอกล้องจาก กทม.เพิ่มเติมตลอด เพราะภาพมันยังไม่ต่อเนื่องยังปะติดปะต่อจิ๊กซอว์กันอยู่
ถามว่าจริงหรือไม่ที่ตำรวจมีอุปสรรคในการสืบสวนจากกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่าไม่ถึงกับเป็นอุปสรรค เพียงแต่อาจเกิดความบกพร่องจากเทคโนโลยีของกล้องต่างๆ ซึ่งทาง กรุงเทพมหานคร เขาก็ได้ให้ความร่วมมือมาตลอดในทุกคดี
เมื่อถามว่าที่ท่าน้ำสาทรกับแยกราชประสงค์ยืนยันได้หรือยังว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ขอเวลาพิสูจน์ก่อน ในทุกวันนี้กำลังทำอยู่ เพราะถูกถามตลอดว่าเชื่อมโยงหรือไม่ คนร้ายออกไปหรือยัง
ถามว่ามีคำถามทุกวัน รู้สึกกดดันหรือไม่ รอง ผบ.ตร. ตอบว่า “ปกติ เราก็อยากได้ตัวคนร้าย ทำงานเต็มที่ ชุดทำงานผมเดินหน้าตลอด มีความคืบหน้าในบางด้าน ไม่ถึงกับไม่มีความคืบหน้าเสียเลย”
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า คดีนี้มีความคืบหน้าพอสมควร ส่วนจะมีความชัดเจนจนสามารถออกหมายจับเหตุระเบิดที่ท่าเรือสาทรหรือยังนั้น เราต้องตรวจสอบให้เรียบร้อยเพื่อความรอบคอบ จริง ๆ แล้วพรุ่งนี้ก็ออกได้ แต่ยังไม่ออก ดูความเชื่อมโยงอีกนิด รวมถึงดูรายละเอียดทางด้านธุรการด้วยว่าจะไปขอที่ศาลใด
“เหตุการณ์ที่สาทรนั้นจะเป็นความพยายามเบี่ยงเบนประเด็นหรือไม่นั้น ผมก็ว่าเป็นไปได้ทั้งหมด เพราะถ้าเขาเจตนาจะฆ่าคนแบบที่ราชประสงค์ก็คงวางบนบกไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาลงไปในน้ำ ผมคิดเองว่าลูกแรกเขาทำสำเร็จแล้ว แต่ที่อยากรู้คือบังเอิญมาเกี่ยวข้องกับลูกที่สองได้อย่างไรเท่านั้นเอง” รองผบ.ตร.ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลว่าในอนาคตจะเกิดอีกหรือไม่ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ถ้าการป้องกันเหตุทำได้ดีเชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ยากกว่าตอนนี้ เราต้องเรียนรู้วิธีป้องกันในเชิงรุกด้วยไม่ใช่ให้เขาก่อเหตุอยู่เรื่อย ซึ่งรัฐบาลก็ได้เน้นย้ำมาแล้ว
เมื่อถามว่า แสดงว่า รู้แล้วว่ามีมูลเหตุการวางระเบิดจากเรื่องอะไรใช่หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า การสืบสวนมันก็ต้องคืบหน้าไปตามขั้นตอนอยู่แล้ว ซักว่ามีข้อมูลพื้นฐานอยู่แล้วหรือไม่ว่าเป็นกลุ่มใด รอง ผบ.ตร. กล่าวว่าบนกระดานนักสืบมันมีอยู่แล้ว
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตำรวจดำเนินการทุกอย่างทั้งปิดเมืองค้นหาคนร้าย ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ หรือตรวจสอบเส้นทางเข้าออกประเทศ เหลือที่ยังไม่ได้ไปคือบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ พึ่งทางไสยศาสตร์เลย แต่ยืนยันว่าคดีนี้ไม่ต้องพึ่งไสยศาสตร์