ASTVผู้จัดการ - บช.ปส.แถลงโครงการขุดรากถอนโคนขบวนการค้ายาเสพติด 6 คดี จับผู้ต้องหาได้ 9 ราย ของกลางยาเสพติดมูลค่า 100 ล้านบาท ทลายเครือข่ายนักค้ายานรกรายใหญ่ย่านมีนบุรี พบเงินหมุนเวียนในบัญชี 800 ล้าน
วันนี้ (23 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ ผบก.ปส.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ ปปง. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการตามโครงการขุดรากถอนโคนขบวนการค้ายาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล ครั้งที่ 1 จำนวน 6 คดี ผู้ต้องหา 9 คน ของกลางยาบ้าจำนวน 192,070 เม็ด ไอซ์ 15.1 กิโลกรัม และมูลค่าทรัพย์สินตรวจยึด รวมประมาณ 100 ล้านบาท
พล.ต.ต.สมพงษ์กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ป.ป.ส., ปปง. และกระบวนการยุติธรรมต่างๆ ได้เร่งรัดปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง ทาง บช.ปส.จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกแผนปฏิบัติการขุดรากถอนโคนขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ ครั้งที่ 1 ตามนโยบายของรัฐบาล 38 เป้าหมาย 46 จุดตรวจค้นทั่วประเทศ โดยในช่วงเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นและตรวจยึดทรัพย์สิน 2 จุดในพื้นที่ กทม. จุดแรกที่บ้านเลขที่ 700/7 หมู่บ้านคุณาลัย ซอยคุณาลัย 11/1 ถนนบางขุนเทียน แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม. จับกุมนางสโรชา เรืองอุไร อายุ 28 ปี จุดที่ 2 บ้านเลขที่ 30/304 หมู่บ้านซิกเนเจอร์ ซอยซิกเนเจอร์ 9 ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงและเขตบางแค กทม. จับกุมนายพิภัช ธรรมอินทร์ อายุ 34 ปี สืบเนื่องจากการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ย่านมีนบุรีเมื่อช่วงเดือนมกราคมปี 2558 ได้จับกุมนายอาทิตย์ รติอนันต์ อายุ 35 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 1.7 ล้านเม็ด ไอซ์ 36 กิโลกรัม ยึดรถหรู 2 คัน ภายหลังการจับกุมได้ตรวจสอบบัญชีของนายอาทิตย์จำนวน 5 บัญชี ย้อนหลัง 8 เดือน พบเงินหมุนเวียนกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งนางสโรชามีความเกี่ยวพันธ์กับขบวนการนี้ผ่านการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยเป็นผู้รับโอนเงินจากนายอาทิตย์และได้โอนเงินต่อไปยังบัญชีในประเทศเพื่อนบ้าน ของนางหมอน เพ็ดถุน หรือเพ็ดอาถุน สัญชาติลาว ผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่ที่ถูกจับกุมตัวไปก่อนหน้านี้ จึงประสานงานระหว่าง ปปง.และ ป.ป.ส. เพื่อตรวจยึดเงินเกือบ 2 ล้านบาท ฉโนดที่ดิน รถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลตสีดำ 1 คัน และคอนโดมิเนียมย่านสาทร ทั้งนี้ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินจนนำมาสู่การจับกุมนายพิภัช ธรรมอินทร์ ซึ่งมีความเชื่อมโยงในการรับโอนเงินไปยังบัญชีต่างๆ โดยได้รับการติดต่อจากนางสโรชา ทั้งนี้ได้ตรวจยึดจักรยานยนต์ 1 คัน โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง นาฬิกา 1 เรือน พร้อมโทรศัพท์ และสมุดบัญชีธนาคารอีกจำนวนหนึ่ง
ด้านนายพิภัชกล่าวว่า ตนรู้จักกับนางสโรชาโดยการแนะนำจากแฟน เพราะนางสโรชาเป็นลูกค้าอยู่ ต่อมาได้มีการชักชวนให้เปิดบัญชีโดยอ้างว่าใช้ในการทำธุรกิจซึ่งตนจะได้รับค่าตอบแทนวันละ 1,000-2,000 บาท มีการโอนเงินแต่ละครั้งประมาณ 1-2 ล้านบาท รวมแล้วโอนเงินเข้าบัญชีเดือนละ 30 ล้านบาท ตนได้โอนเงินประมาณ 3-4 เดือน รวมยอดเงินประมาณ 80 ล้านบาท ตนผิดสังเกตและรู้ว่าถูกหลอก จึงตัดสินใจทำทีว่ารถของตนโดนทุบและเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ เพื่อนำไปอ้างกับนางสโรชาว่าตนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบสมุดบัญชี
พล.ต.ต.สมพงษ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้จับกุมเครือข่ายยาเสพติดจำนวน 6 คดี ผู้ต้องหา 9 คน โดยคดีแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.3 จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 คน คือ นายวิรัตน์ บุญสวัสดิ์ อายุ 54 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ นายศักดิ์ชัย จะคา อายุ 21 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ และนายจะพู จะเคอ อายุ 27 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางยาไอซ์ จำนวน 5 กิโลกรัม ยาบ้าจำนวน 60,000 เม็ด จักรยานยนต์จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ศาลาพักริมทางถนนโชตนา สายเชียงใหม่-ฝาง ม.13 บ้านปางกว้าง ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ไอซ์) ไว้ในความครอบครอง เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.3 จับกุมนายยอละ แสขา อายุ 49 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางยาไอซ์จำนวน 10 กิโลกรัม รถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิสีเขียว-เทา 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ริมถนนโชตนา หน้าโรงเรียนศีลวี ม.8 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.3 จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 คน คือนายเอกชัย หรือเปี๊ยก ฟูแก้ว อายุ 32 ปี ชาว จ.เชียงราย นายปิยะพงษ์ หรือป๋อง ฟูแก้ว อายุ 33 ปี ชาว จ.เชียงราย และนายสันดุษิต เชื้อชาติวงษา อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดี ที่ 19/2558 ลงวันที่ 10 มี.ค. 2558 ข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย คดีที่ 4 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.3 ตรวจยึดยาบ้าจำนวน 96,000 เม็ด กระสอบข้าวสารตราดอกบ๊วยสีแดง 1 ใบ ในพื้นที่ ต.ทับกฤช อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ หลังผู้ต้องหานำยาเสพติดมาซุกซ่อนเพื่อหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่
คดีที่ 5 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.4 จับกุม นายดาว หรือเยี่ยม หรือนุ สุวรรณโรจน์ อายุ 35 ปี จ.สงขลา พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 90,000 เม็ด ไอซ์ 101 กรัม อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุน 4 นัด อาวุธปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์ขนาด .38 1 กระบอก รถจักยานยนต์ 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 89/1 ม.5 ต.เขาพระ อ.รัตนภูมิ จ.สงขลา ต่อเนื่องบ้านเลขที่ 93 ม.5 ต.เขาพระ อ.รัตนภูมิ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พร้อมแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีเครื่องกระสุนปืนซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และคดีที่ 6 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.4 จับกุม นายพีรลี สือแม อายุ 46 ปี ชาว จ.นราธิวาส พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 70 เม็ด อาวุธปืนจำนวน 5 กระบอก รถยนต์ 1 คัน จักรยานยนต์ 2 คัน จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 55 ม.3 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส พร้อมแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต