xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กเด่น” เผย สตช.อาสาแก้หนี้ตำรวจ ยึด “หนองบัวลำภูโมเดล” อุ้มก่อนล้ม!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองโฆษก ตร.และ ผบช.สกพ.
ตำรวจหนี้ท่วมหัว “มีเฮ” รองโฆษก ตร. “บิ๊กเด่น-ดำรงศักดิ์” เผย ผบ.ตร.ยื่นมือช่วย สั่งแก้ปัญหาล้มละลาย ใช้ ภ.จว.หนองบัวลำภู เป็นต้นแบบ เผยขั้นตอนปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ แก้ปัญหาได้ทั้งการเจรจากับธนาคารเพื่อผ่อนชำระเป็นรายเดือน ทั้งแบบลดต้นลดดอก หรือจ่ายแบบขั้นบันได หรือระบบบอลลูน แต่ที่ล้มละลายไปแล้วออกจากราชการอย่างเดียว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา “บิ๊กเด่น” พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองโฆษก ตร.และ ผบช.สกพ.เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ได้ตระหนักถึงความเป็นอยู่ของข้าราชการตำรวจโดยเฉพาะปัญหาหนี้สิน ได้พยายามหามาตรการป้องกันและแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการตำรวจตลอดมา แต่ยังมีข้าราชการตำรวจถูกฟ้องล้มละลายเป็นจำนวนมาก สมควรที่จะให้ทุกหน่วยปฏิบัติโดยให้ผู้บังคับบัญชาจะต้องเอาใจใส่หาทางแก้ให้ถึงที่สุดนั้น ขณะนี้ได้กำหนดมาตรการและแนวทางการแก้ปัญหาหนี้สินข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำ ตร.แล้ว โดยให้ทุกหน่วยถือปฏิบัติ ให้ผู้บังคับบัญชาทำความเข้าใจต่อผู้ใต้บังคับบัญชา

สำหรับผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย อันเป็นการขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการตำรวจจะต้องถูกสั่งให้ออกจากราชการ พร้อมทั้งกำชับให้สำรวจจำนวนหนี้สินของข้าราชการตำรวจ และจำนวนผู้ที่ถูกฟ้องในคดีแพ่งล้มละลาย หรือถูกยึดทรัพย์ตามคำพิพากษา เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาแก้ไขปัญหาในภาพรวม และให้แจ้งรายชื่อผู้รับผิดชอบที่หน่วยมอบหมายและรายละเอียดของวิธีการหรือขั้นตอนในการดำเนินการของหน่วยที่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างได้ผล

รองโฆษก ตร.กล่าวอีกว่าได้ส่งแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สิน ภ.จว.หนองบัวลำภู ที่ได้ดำเนินการไปแล้วประสบผลสำเร็จเป็นตัวอย่างในการพิจารณาดำเนินการ และให้ประสานขอความร่วมมือสหกรณ์ออมทรัพย์ของหน่วยในสังกัด ตร. จำนวน 51 สหกรณ์ที่ยังไม่ส่งข้อมูลสำหรับการจัดทำโปรแกรมค้นหารายชื่อของข้าราชการตำรวจที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ให้ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจแห่งชาติจำกัด รีบดำเนินการจัดส่งข้อมูลโดยเร็วเพื่อจัดทำข้อมูลกลางไว้ตรวจสอบกรณีตำรวจขอกู้เงินจากสหกรณ์ หรือธนาคาร

ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาข้าราชการตำรวจที่มีหนี้สินในรูปแบบของ ภ.จว.หนองบัวลำภู บช.ภ.4 นั้น ผู้บังคับบัญชาต้องตรวจสอบข้าราชการในสังกัด เมื่อพบว่ามีจำนวนเท่าใดที่เป็นหนี้ธนาคารออมสิน มียอดหนี้เท่าไร และเป็นหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ของตำรวจเท่าไร ผิดชำระหนี้กี่ราย จะถูกฟ้องแพ่งและล้มละลายกี่ราย แล้วนำมาเข้าสู่การปรับโครงสร้างหนี้

โดยขั้นตอนต่อจากนี้คือต้องเข้าพบผู้จัดการธนาคารออมสินและหาทางช่วยเจรจาหาข้อยุติว่าสามารถนำเงินต้นมาชำระหนี้ โดยผ่อนชำระเป็นรายเดือน ในส่วนที่เริ่มนับ 1 ถึง 3 เดือน ติดต่อกัน ซึ่งถูกธนาคารปรับดอกเบี้ยจากร้อยละ 7.70 เป็นร้อยละ 14.00 ให้เจรจาขอให้ธนาคาร ลดดอกเบี้ยที่ค้างชำระ 50%และปรับโครงสร้างหนี้ให้ใหม่ กำหนดเงินส่งงวดในแต่ละเดือนใหม่ มีการหักเงินเดือนผ่านธนาคารทุกราย

สำหรับข้าราชการตำรวจส่วนใหญ่ที่เป็นหนี้เหลือเงินเดือนไม่พอหักให้ธนาคาร ผู้บังคับการหน่วยในฐานะประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจของหน่วยนั้นๆ ได้เพิ่มทางเลือกการส่งชำระหนี้สหกรณ์เหลือเพิ่มขึ้นพอที่จะส่งธนาคารได้ 2 ทางเลือก คือ ทางเลือกที่ 1 ใช้ระบบการส่งเงิน แบบลดต้นลดดอก ส่งเงินเท่ากันทุกงวดตลอดระยะสัญญา สมมติเงินต้น 1 ล้านบาทจะส่งน้อยกว่าระบบเดิมประมาณเดือนละ 4,000 บาท ทางเลือกที่ 2 ใช้ระบบส่งแบบขั้นบันไดหรือ ระบบบอลลูน คือสหกรณ์ ยอมปรับลดจำนวนเงินที่ส่งของสมาชิก โดยให้ส่งหลังจากนั้นให้ส่งเพิ่มขึ้นตามเงินเดือน เดือนที่เพิ่มขึ้นแต่ละปี จนกระทั่งครอบคลุมจำนวนงวดที่สหกรณ์กำหนดไว้ สุดท้ายประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้จากสหกรณ์ออมทรัพย์จากร้อยละ 9.5 เป็นร้อยละ 8.5 เพื่อให้ผู้กู้ชำระหนี้ลดลง ซึ่งผลการดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวตามข้างต้น สามารถแก้ปัญหาข้าราชการตำรวจซึ่งถูกธนาคารออมสินฟ้องร้องบังคับคดีให้ชำระหนี้โดยวิธีปรับโครงสร้างหนี้ใหม่สำเร็จทุกราย
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น