xs
xsm
sm
md
lg

ผบช.ภ.4 นัดถกเครียดช่วยตำรวจหนี้เสีย ย้ำเข้าคิวถูกฟ้องล้มละลายแค่ 60 นาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ผู้การ 12 จังหวัดอีสานตอนบนหารือเครียด หาทางช่วยแก้ปัญหาหนี้ตำรวจ หลังตัวเลขชัดเข้าคิวล้มละลายกว่า 60 นาย เดินหน้าโครงการตำรวจพอเพียงเยียวยาช่วยเหลือ ขณะเดียวกันมียอดนายตำรวจถูกแบงก์ยื่นฟ้อง 350 นาย ด้าน ผบช.ชี้ต้องพิจารณาช่วยเป็นรายบุคคล เผยตำรวจบางนายเหลืออายุราชการไม่มาก ซ้ำมีเงินเดือนเหลืออยู่แค่ 2-3 พันบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (11 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 เรียกประชุมด่วนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจากทั้ง 12 จังหวัดภาคอีสานตอนบน พร้อมเชิญผู้แทนสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจทุกจังหวัดเข้าร่วมหารือเพื่อสรุปผลการเจรจาและแก้ไขปัญหาหนี้สินของข้าราชการตำรวจในสังกัด

พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 เปิดเผยถึงข้าราชการตำรวจที่ถูกให้ออกจากข้าราชการเนื่องจากมีความผิดตามระเบียบข้าราชการถูกสถาบันการเงินยื่นฟ้องล้มละลายและพิทักษ์ทรัพย์ว่ามีเพียง 5 รายที่ จ.อุดรธานีเท่านั้น ขณะที่ตัวเลขข้าราชการตำรวจที่ขาดการชำระหนี้ตามสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงินจากเดิมอยู่ที่ 2,500 ราย แต่หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาได้สั่งการให้ ผบก. และ ผกก. แต่ละจังหวัดในสังกัดภาค 4 เข้าไปตรวจสอบและช่วยเหลือเจรจาประนอมหนี้ 3 ฝ่าย

ประกอบด้วย สถาบันการเงิน, ข้าราชการตำรวจที่เป็นลูกหนี้และผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบ ณ ขณะนี้ เหลือข้าราชการตำรวจที่อยู่ในขั้นตอนที่ต้องช่วยเหลือเยียวยาเพียง 350 รายเท่านั้น

“เฉลี่ยแต่ละจังหวัดมีข้าราชการตำรวจในกลุ่มนี้ประมาณ 5-10 นาย ในจำนวนนี้อยู่ในขั้นของการยื่นฟ้องล้มละลาย 60 นาย ซึ่งการเจรจากับสถาบันการเงินเป็นไปในทิศทางที่ดีและน่าจะสามารถแก้ไขได้” พล.ต.ท.บุญเลิศกล่าว และว่า

สถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น ผู้บังคับบัญชาทุกระดับจะต้องมาให้การช่วยเหลือเต็มที่ เพราะข้าราชการตำรวจในสังกัดทุกนายถือเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เมื่อเกิดปัญหาจำเป็นจะต้องช่วยเหลือเยียวยาแก้ไข ซึ่งขณะนี้สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้มีเพียงธนาคารออมสินเท่านั้น ส่วนสถาบันการเงินอื่นๆ นั้นถือว่าอยู่นอกโครงการฯ ต้องให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งทีมกฎหมายของตำรวจภูธรภาค 4 ได้เข้ามาช่วยสะสางและแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเต็มที่

พล.ต.ท.บุญเลิศกล่าวอีกว่า ไม่อยากบอกว่าตำรวจภายใต้การบังคับบัญชาของตนนั้นใช้เงินเกินตัว เพราะจากการสำรวจตรวจสอบพบว่าส่วนใหญ่นำไปใช้จ่ายภายในครอบครัวในรูปแบบต่างๆ บางนายมีรายรับเพียงด้านเดียว โดยเฉพาะตำรวจชั้นประทวนเงินเดือนก็ไม่มากนัก แต่ต้องดูแลคนทั้งครอบครัวก็ทำให้เงินไม่พอใช้ วันนี้เราต้องมาจัดระบบและทำบัญชีรายรับรายจ่าย ยึดหลักตามโครงการตำรวจพอเพียง เพื่อที่จะประมาณและประเมินตนเอง จนนำไปสู่การแก้ไขปัญหาให้ได้ทั้งหมดทุกนาย

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.บุญเลิศระบุว่า แนวทางการแก้ไขปัญหานั้น ได้มีการหารือกับสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดทุกจังหวัดในการอนุมัติวงเงินสินเชื่อพิเศษให้แก่ตำรวจที่ประสบปัญหาว่าจะสามารถพิจารณาอนุมัติวงเงินเพื่อแก้ไขปัญหาให้แต่ละนายได้มากน้อยเพียงใด แต่ไม่สามารถที่จะปล่อยเงินกู้หรือวงเงินสินเชื่อให้ได้ทั้งหมดทุกนาย เพราะจะต้องตรวจสอบอายุราชการที่ตำรวจแต่ละนายเหลืออยู่บ้างก็อาจเหลือเพียง 6 เดือนหรือเพียง 2 ปี บางนายก็ไม่สามารถที่จะเจรจากับเจ้าหนี้ได้

แต่ทีมกฎหมายและผู้บังคับบัญชาจะต้องเข้าไปเจรจาเพื่อให้ได้ข้อสรุปให้เป็นรายตัวไป แต่ก็ต้องคำนึงถึงสภาพคล่องของสหกรณ์ออมทรัพย์ของทุกจังหวัดด้วยว่าจะสามารถปล่อยได้หรือไม่ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเสี่ยง และป้องกันการเป็นหนี้เสีย โดยต้องตรวจสอบรายรับสุทธิของแต่ละนาย เพราะเมื่อตรวจสอบตำรวจบางนายที่ประสบปัญหาเหลือเงินเดือนสุทธิที่เป็นรายรับอยู่ที่เดือนละ 2,000-3,000 บาทเท่านั้น
" สำหรับผู้ที่ถูกให้ออกแล้ว 5 คนที่จังหวัดอุดรธานีนั้นไม่ใช่ไล่ออก แต่ให้ออกเพราะขาดคุณสมบัติ ทุกคนออกไปยังมีสิทธิรับบำเหน็จบำนาญ แต่จะอุทธรณ์ต่อผู้บังคับบัญชาหรือไม่นั้นก็เป็นสิทธิที่จะทำได้ และในส่วนของผู้ที่สามารถผ่านเงื่อนไขการเจรจาไปได้ ก็ต้องมีวินัยปรับพฤติกรรม การใช้จ่าย ลดความฟุ่มเฟือย เพื่อไม่ให้กลับมาสู่วังวนเดิมจนสุดท้ายแก้ไขไม่ได้" พล.ต.ท.บุญเลิศกล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น