เลขาธิการ ปปง. เผยผลประชุมคณะกรรมการธุรกรรม มีมติเสนออัยการให้ทรัพย์สิน 2 คดีดัง “พงศ์พัฒน์ - เครือข่ายค้ามนุษย์” ตกเป็นของแผ่นดิน พร้อมอายัดเพิ่มเติม รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท
วันนี้ (14 ส.ค.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 11/2558 เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่านมา ว่า คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเสนออัยการให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินและอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมในคดีสำคัญจำนวน 2 คดี รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ดังนี้
1. คณะกรรมการธุรกรรม ได้พิจารณาสำนวนคดีการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ กับพวก ซึ่งมีพฤติการณ์ร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์จากการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ เรียกรับผลประโยชน์จากธุรกิจผิดกฎหมาย (ค้าน้ำมันเถื่อน) เปิดบ่อนการพนันที่ผิดกฎหมาย และฟอกเงิน โดยศาลอาญาได้ออกหมายจับบุคคลดังกล่าวในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสำนักงาน ปปง. ดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการพิจารณายึดอายัดทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด สำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ที่ ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าวเพิ่มเติม โดยคณะกรรมการธุรกรรมได้มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ ตามคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.119/2558 ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2558 (เพิ่มเติม) จำนวน 13 รายการ ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวเกี่ยวข้องกับบริษัท สกลรุ่งโรจน์ จำกัด ของพล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 11/2558 เมื่อวันอังคารที่ 4 สิงหาคม 2558 จึงมีมติเห็นควรส่งเรื่องให้พนักงานอัยการพิจารณาเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ (เพิ่มเติม) ให้ตกเป็นของแผ่นดิน รวมจำนวน 13 รายการ มูลค่าประมาณ 243,608,990.50 บาท
นอกจากนี้ สำนักงาน ปปง. ยังตรวจพบทรัพย์สินซึ่งจัดเก็บอยู่ในบ้านเลขที่ 28/311 หมู่บ้านสวัสดิการทหารบก ซอย 5/1 หมู่ที่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ - ปากเกร็ด ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี (บ้านสี่ชั้น) อีกจำนวน 1,025 รายการ ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวตั้งอยู่บนที่ดินที่คณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติให้อายัดไว้แล้ว ตามคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.197/2557 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2557 ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า นายชอบ ชินนะประภา ซึ่งเป็นจำเลยในคดีอาญาฟอกเงิน และเป็นน้องเขยของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้าน แต่บ้านหลังดังกล่าว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ได้ใช้เป็นที่พักอาศัย และยังใช้เป็นที่เก็บทรัพย์สินมีค่าไว้เป็นจำนวนมาก คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กับพวก (เพิ่มเติม) ไว้ชั่วคราว อีกจำนวน 1,025 รายการ ประกอบด้วย ภาพวาด พระเครื่อง เครื่องใช้ลายคราม อัญมณี เฟอร์นิเจอร์ไม้ และวัตถุโบราณ รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น 18,046,580.00 บาท
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวต่อว่า ส่วนคดีที่ 2 สืบเนื่องจากสำนักงาน ปปง. ประสานงานกับตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจภูธรภาค 9 เกี่ยวกับการดำเนินการกับเครือข่ายค้ามนุษย์ ส่งผลให้มีการขยายผลการจับกุม และยึดทรัพย์เครือข่ายค้ามนุษย์ รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไปแล้ว ทั้งบัญชีเงินฝากในธนาคาร รถยนต์ ที่ดิน เรือ และกิจการโรงแรม อย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงาน ปปง. ดำเนินการตรวจสอบรายงานธุรกรรม หรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของกลุ่มบุคคล ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดในคดีดังกล่าว ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรม มีมติเห็นควรส่งเรื่องให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของเครือข่ายค้ามนุษย์ (เพิ่มเติม) ให้ตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 57 รายการ ประกอบด้วย
1. สลากออมสิน จำนวน 2 รายการ
2. ที่ดินตามโฉนดที่ดิน ในตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล จำนวน 29 รายการ
และ 3. เงินในบัญชีเงินฝาก จำนวน 26 รายการ รวมราคาประเมินทั้งสิ้นประมาณ 16,799,337.87 บาท
นอกจากนี้ สำนักงาน ปปง. ตรวจพบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของเครือข่ายค้ามนุษย์เพิ่มเติมอีกจำนวน 10 รายการ และปรากฏหลักฐานที่เชื่อได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเกี่ยวข้อง หรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐาน หรือความผิดฐานฟอกเงินในการค้ามนุษย์ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมจึงมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) จำนวน 10 รายการ มูลค่าประมาณ 22,850,530.00 บาท ได้แก่
1. เงินสด จำนวน 10,000,000 บาท
2. ที่ดินตามโฉนดที่ดินในจังหวัดระนอง จำนวน 5 รายการ
และ 3. ที่ดินตามโฉนดที่ดินในจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 4 รายการ