สำนักงาน ป.ป.ส. ปฏิบัติการ “พื้นที่แพร่ระบาดยาเสพติดซ้ำซาก 201 หมู่บ้าน ชุมชนทั่วประเทศ” สามารถดำเนินการได้กว่า 100 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาได้ 32 คน ผู้ติดยาเสพติดอีก 87 คน พร้อมยึดของกลางยาบ้าได้ 33,000 เม็ด ไอซ์ อัลปราโซแลม และพืชกระท่อม ทรัพย์สินมูลค่า 60 ล้านบาท จากการปฏิบัติงานที่ผ่านมาพบว่าร้อยละ 70 เลิกขาด
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (27 ก.ค.) ที่สำนักงาน ป.ป.ส. (ทุ่งสองห้อง) นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต เลขาธิการ ป.ป.ส. แถลงผลปฏิบัติการ “พื้นที่แพร่ระบาดยาเสพติดซ้ำซาก 201 หมู่บ้าน ชุมชนทั่วประเทศ” นอกจากนี้ ยังมีการตรวจเยี่ยมการคัดกรองผู้เสพเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดจำนวน 72 ราย ซึ่งเป็นผู้เสพที่ตำรวจนครบาลส่งตัวให้สำนักงาน ป.ป.ส. ภายหลังจากการลงพื้นที่ปิดล้อมตรวจค้นชุมชนในเขต กทม. จำนวน 112 เป้าหมาย เมื่อวันที่ 25 ก.ค.
นายเพิ่มพงษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากแผน “พื้นที่แพร่ระบาดยาเสพติดซ้ำซาก” สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ ฝ่ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในพื้นที่เป้าหมายที่เป็นชุมชนแพร่ระบาดยาเสพติดซ้ำซาก 201 แห่งทั่วประเทศ โดยการปิดล้อมตรวจค้น ขยายผลจับกุมเป้าหมาย พร้อมทำการยึดอายัดทรัพย์สิน โดยเริ่มเปิดยุทธการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 58 สามารถดำเนินการได้กว่า 100 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหา 32 คน ผู้ติดยาเสพติดจำนวน 87 คน และนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา โดยมีการประเมินและคัดกรองผู้เสพผู้ติดยาเสพติด จากศูนย์เพื่อการคัดกรองผู้เข้ารับการบำบัดฟื้นฟู เพื่อจำแนกระดับของการเสพติด ในกรณีผู้เสพยาเสพติด ให้นำเข้าสู่การบำบัดรักษาในค่าย “ศูนย์ขวัญแผ่นดิน” ซึ่งเป็นศูนย์ที่ดำเนินการด้านการบำบัดรักษาครบวงจร มีหลักสูตรที่มีมาตรฐานเดียวกันทุกแห่ง โดยความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงาน ป.ป.ส. สำหรับผู้ที่ติดยาเสพติดจะนำเข้าสู่การบำบัดรักษาในโรงพยาบาล ผู้ติดยาเสพติดที่เป็นโรคร้ายแรงจะนำเข้าสู่การบำบัดรักษาในโรงพยาบาลเฉพาะทาง นอกจากนี้ ยังให้การช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติด เช่น พ่อ แม่ หรือผู้ปกครองเป็นผู้ค้าแล้วถูกจับกุม หรือเป็นผู้เสพผู้ติดยาเสพติดแล้วเข้ารับการบำบัดรักษา สำหรับปฏิบัติการที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันสามารถจับกุมและยึดของกลางเป็นยาบ้า 3.3 หมื่นเม็ด ไอซ์ อัลปราโซแลม และพืชกระท่อมจำนวนหนึ่ง ยึดทรัพย์สินมูลค่ารวมประมาณ 60 ล้านบาท โดยสำนักงาน ป.ป.ส. จะดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนกันยายน เพื่อลดระดับปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดในชุมชนให้ปรากฏผลชัดเจนเป็นรูปธรรม โดยให้ความสำคัญการลดผู้เสพในหมู่บ้านด้วยกระบวนการบำบัดรักษา ฟื้นฟู และการติดตามช่วยเหลือแบบครบวงจรเป็นลำดับแรก และ ทำลายปราบปรามโครงสร้างการค้ายาเสพติด ลดอิทธิพล และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
โดยประสานการปฏิบัติร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากเราสามารถลดระดับปัญหาเหล่านี้ลงได้ก็จะส่งผลให้สถานการณ์ปัญหายาเสพติดโดยรวมดีขึ้น สามารถควบคุมได้
นายเพิ่มพงษ์ กล่าวต่อว่า แผนงานด้านการมุ่งเน้นไปที่ตัวผู้เสพเป็นแผนงานที่ชาวบ้านมีความพึงพอใจมาก ต่อไปเราจะมีการติดตามผลผู้เข้าบำบัดว่ามีใครกลับมาติดอีกหรือไม่ หากกระทำความผิดอีกทางเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ทันที แต่จากการปฎิบัติงานที่ผ่านมาพบว่ามีถึงร้อยละ 70 ที่เลิกได้หายขาด นอกจากนี้ ต่อไปเราจะเข้าไปมุ่งเน้นในด้านผู้ค้าให้มากขึ้น เพื่อให้แผนงานครอบคลุม
