ผบ.ตร. ยันตั้ง “จรัมพร” ลงไปช่วยเป็นที่ปรึกษาการเก็บและตรวจสอบพยานหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์คดี “เสี่ยชูวงษ์” เพื่อความละเอียดรอบคอบ เชื่อแม้รู้จักกับพี่สาวผู้ตาย แต่จะไม่เอนเอียงพลิกดำเป็นขาว ไม่เอาชื่อเสียงคุณงามความดีที่สร้างมาเข้าแลก
วันนี้ (23 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ นายชูวงษ์ แซตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ว่า คดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ เป็นความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ซึ่งจะดูในประเด็นที่มีข้อสงสัยว่าคดีนี้อาจจะมีเงื่อนงำหรือไม่ จะเป็นอุบัติเหตุหรืออาชญากรรม ส่วนเรื่องการโอนหุ้นการยักย้ายถ่ายเทหุ้น และความสงสัยว่าเป็นอาชญากรรมหรือไม่ เป็นความรับผิดชอบกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ซึ่งตรงนี้ตนเองก็ได้สั่งการและกำชับไปที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ไปแล้ว ซึ่ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ ได้ลงไปดูสำนวนการสอบสวนด้วยตนเอง เนื่องจากพี่สาวของ นายชูวงษ์ ไปร้องทุกข์กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และท่านก็ไดสั่งการกับตนโดยตรงให้เร่งคลี่คลายคดีนี้
“ขณะเดียวกัน ผมก็กำชับไปที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) ว่า ให้ทำงานอย่างละเอียด รัดกุม รอบคอบ และก็เก็บรายละเอียดในทุกประเด็นที่เป็นข้อสงสัย ทั้งในเชิงนิติวิทยาศาสตร์ และก็ทางเทคนิคต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์ เรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่จะนำมาวิเคราะห์หรือตอบสังคมได้ว่าคดีนี้เป็นคดีอุบัติเหตุหรือเป็นคดีอาชญากรรม” พล.ต.อ.สมยศ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงความเคลือบแคลงของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และอดีต รมช.พาณิชย์ ที่มีต่อ พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา ผบ.ตร. ด้านนิติวิทยาศาสตร์ ที่ลงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ในส่วนนี้ขอเรียนว่า พล.ต.อ.จรัมพร ตนได้ตั้งให้เป็นที่ปรึกษา เพราะเสียดายความรู้ความสามารถของท่านในเรื่องนิติวิทยาศาสตร์ หลายคดีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคดีสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นคดีสังหารนักท่องเที่ยวที่เกาะเต่า พล.ต.อ.จรัมพร ก็ลงมาช่วยตรงนี้และได้ผล เพราะท่านยังมีไฟอยู่ ตนจึงเชิญมาเป็นที่ปรึกษา แล้วก็มอบหมายให้ท่านไปทำในบางเรื่องที่จำเป็นจะต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ อย่างในกรณีนายชูวงษ์ เสียชีวิตก็เช่นกัน เมื่อทางพี่สาวนายชูวงษ์ มาร้องทุกข์กับตนว่ายังสงสัย หรือยังมีประเด็นข้อกังขาอยู่ว่า นายชูวงษ์ ไม่น่าจะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ น่าจะเสียชีวิตด้วยเรื่องอื่น เพื่อความรอบคอบตนก็ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.จรัมพร ลงไปดูแล โดยให้เป็นผู้แนะนำ หรือชี้แนะในเรื่องที่ทางเจ้าหน้าที่ สพฐ. ลงไปทำงาน เพราะบางเรื่องมุมมองของท่าน และด้วยเหตุที่ท่านเป็นคนที่มีประสบการณ์และมีความละเอียดรอบคอบ ก็อาจจะช่วยให้การทำงานของเจ้าหน้าที่มีประสิทธิภาพและก็มีความถูกต้องมากขึ้น
“ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.บรรยิน มีความกังวลว่า พล.ต.อ.จรัมพร มีความสนิทสนมกับพี่สาวนายชูวงษ์ อันนี้ตนว่า พ.ต.ท.บรรยิน อย่ากังวล พล.ต.อ.จรัมพร ก็แค่คนที่ไปอบรมหลักสูตรหนึ่งร่วมกับพี่สาวนายชูวงษ์ ความสนิทชิดชอบก็คงไม่ถึงขนาดต้องทำให้ พล.ต.อ.จรัมพร มาสร้างหรือมาทำหลักฐานในสิ่งที่เป็นเท็จหรือสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และตนก็เชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพ และก็เชื่อมั่น พล.ต.อ.จรัมพร ที่ได้สะสมชื่อสียง ความดี ตลอดชีวิตราชการ ท่านคงไม่เอาชื่อเสียงหรือคุณงามความดีมาเสียกับตรงนี้” ผบ.ตร.ระบุ
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า แต่ถ้าเรามองในมุมกลับกัน ถ้าสิ่งที่ พล.ต.อ.จรัมพร ไปดำเนินการหรือไปกำกับแล้วผลปรากฏออกมาเป็นว่าการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ เป็นการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ มันกลับเป็นผลดีกับ พ.ต.ท.บรรยิน เพราะว่าการตรวจสอบในเชิงนิติวิทยาศาสตร์ ไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน นิติวิทยาศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ต้องตอบได้ ว่า เป็นเพราะอะไรที่มาที่ไปอย่างไร ไม่ใช่บอกตรงนี้ตรงนั้นแต่ตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่ากังวล พ.ต.ท.บรรยิน อาจจะกังวล ตนว่าถ้า พล.ต.อ.จรัมพร สามารถระบุได้ว่าหรือมีอะไรที่จะตอบสังคมได้ว่ามันเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ พ.ต.ท.บรรยิน ต้องขอบคุณ พล.ต.อ.จรัมพร มากกว่า
เมื่อถามว่า ในทางกลับกัน พ.ต.ท.บรรยิน มองว่า ถ้าผลสรุปออกมาไม่ใช่อุบัติเหตุ ตรงนี้อาจจะเป็นผลเสีย พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ต้องเป้็นไปตามพยานหลักฐาน พล.ต.อ.จรัมพร จะไปบิดเบี้ยวหรือเปลี่ยนพยานหลักฐานได้อย่างไร ไม่ใช่ พล.ต.อ.จรัมพร คนเดียวจะไปตัดสิน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่ทำงานมีหลายคนนอกจากนี้บนังมีแพทย์นิติเวชที่ทำหน้าที่ชันสูตรศพ ตำรวจกองปราบ และ บช.น. เพราะฉะนั้นการที่ พล.ต.อ.จรัมพร ลงไปคนเดียวแล้วจะไปพลิกฝ่ามือ เปลี่ยนดำเป็นขาว เปลี่ยนขาวเป็นดำ เป็นไปไม่ได้ อย่ากังวลเลยตรงนี้ แต่ตนว่าถ้า พล.ต.อ.จรัมพร ลงไป แล้วผลออกมาทางไหน สังคมจะมีความเชื่อมั่นหรือสบายใจในคำตอบที่เกิดขึ้นมากกว่า ตนว่าอย่างนั้น
เมื่อถามว่ากรณีในเรื่องข้อกฎหมายที่ พ.ต.ท.บรรยิน จะสามารถนำไปฟ้องร้องเรื่องที่ตัวเองได้รับผลกระทบหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า พล.ต.อ.จรัมพร ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในสำนวน ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในคดี ต้องเข้าใจอย่างนี้ เหมือนเป็นที่ปรึกษาแนะนำ และถ้าแนะนำผู้ปฎิบัติไม่ทำตามก็ได้ไม่มีข้อบังคับ ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาต้องสั่งอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วทุกอย่างก็ตอบได้ในเชิงวิทยาศาสตร์ ถ้า พล.ต.อ.จรัมพร พูดอะไรที่ไม่จริง มันไม่ใช่ว่าจะไปชี้นำสังคมหรือชี้นำความคิดคนได้ง่าย ๆ นะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสมัยนี้ ทุกคนมีความรู้ทั้งนั้น จะมาชี้นำกันง่ายๆไม่มีมีทางหรอก อย่างกังวลเลย ตนไม่กังวลเรื่องนี้เลย
เมื่อถามถึงกรณีที่จะมีการเรียก พล.ท.ศุภกร สงวนชาติศรไกร รองเสนาธิการทหารบก มาสอบปากคำ ตรงนี้ได้รับรายงานหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน เพราะว่าเป็นอำนาจหรือหน้าที่พนักงานสอบสวนจะต้องสอบสวนให้เสร็จสิ้นกระบวนความ ใครที่อยู่ในข่ายที่จะต้องเข้ามาชี้แจงและเข้ามาให้ถ้อยคำก็ต้องเชิญมา ถ้าพนักงานสอบสวนเห็นว่าไม่ควรเชิญว่าไม่เกี่ยวข้องก็ไม่เชิญ ทุกท่านมีสิทธิที่พนักงานสอบสวนจะเชิญมาทั้งนั้น หมายถึงผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ใช่ไปเชิญคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องมา