ASTV ผู้จัดการ - โฆษก ตร.ยันคดี “เสี่ยชูวงษ์” หาสาเหตุการตายคืบ 80 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะการทำงานของถุงลมนิรภัย เบื้องต้นสรุปการเสียชีวิตคือตายอยู่ในรถ หยุดหายใจขณะกู้ภัยไปพบศพ ยอมรับปมโอนหุ้นเป็นเรื่อง “ผิดปกติ” เรียกพริตตี้ได้รับโอนหุ้นให้ปากคำพรุ่งนี้
วันนี้ (22 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความหน้าคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมารายใหญ่ว่า สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตนั้นล่าสุดสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน (สพฐ.) ตรวจสอบไปแล้วกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะการทำงานของถุงลมนิรภัยและสภาพรถยนต์ที่เกิดเหตุ โดยทดสอบว่าแรงชนไม่เพียงพอทำให้ถุงลมทำงานหรือเป็นเพราะระบบของถุงลมขัดข้อง โดยได้ให้ผู้ชำนาญจากบริษัทเจ้าของรถมาเป็นผู้ตรวจสอบ ส่วนเรื่องลายนิ้วมือแฝงภายในรถซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวม ขณะที่การตรวจชันสูตรศพของแพทย์นิติเวชซึ่งผลตรวจเสร็จแล้วกำลังส่งมาซึ่งต้องรอหลักฐานทุกอย่างครบถ้วนจึงจะสามารถวิเคราะห์สาเหตุการเสียชีวิตได้
“เบื้องต้นขณะนี้สรุปการเสียชีวิตคือตายอยู่ในรถ โดยหยุดหายใจขณะเจ้าหน้าที่กู้ภัยไปพบศพ ต่อมาทางญาติร้องขอให้กู้ชีพด้วยการผายปอดช่วยชีวิตที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงโรงพยาบาลทีมแพทย์ได้ปั๊มหัวใจช่วยชีวิต ถือเป็นการรักษาหลังการเสียชีวิตแล้วหรือการกู้ชีพ ทั้งนี้ จากคำให้การของพยานในที่เกิดเหตุพบว่าผู้ตายเกือบเสียชีวิตหรือเสียชีวิตแล้วในรถ เพราะขณะนั้นชีพจรอ่อนมากและเจ้าหน้าที่กู้ภัยบางคนบอกว่าไม่พบชีพจรแล้ว” โฆษก ตร.ระบุ
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า สำหรับมูลเหตุจูงใจนั้นกำลังสอบสวนอยู่เพราะยังไม่ได้พยานมาสอบปากคำ จึงต้องรอทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ และพยานทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างครบถ้วน แต่ยอมรับว่าเรื่องการโอนหุ้นนั้นเป็นเรื่องผิดปกติเพราะ 2-3 คนที่รับการโอนเงินไม่ใช่คนใกล้ชิดกับนายชูวงษ์ถึงขนาดควรจะได้รับเงินจำนวนมากขนาดนั้น จึงยังตอบไม่ได้ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นอะไรทิ้งทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 23 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ได้เรียกพยาน คือ พริตตี้ที่ได้รับการโอนหุ้นจากนายชูวงษ์มาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามต่อไป
ด้านกองปราบปราม วันนี้ (22 ก.ค.) พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป.กล่าวถึงความคืบหน้าการเรียกสอบบุคคลที่ได้รับโอนหุ้นจากนายชูวงษ์ว่า ได้รับรายงานจากทางพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.ว่ามีการประสานจากทนายความของ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล แคดดี้สาว และ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล
เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท หลักทรัพย์เออีซี จำกัด พร้อมด้วยนางศรีธรา พรหมมา มารดาของ น.ส.อุรชา ซึ่งได้รับการโอนหุ้นจากผู้เสียชีวิตเช่นเดียวกันว่าจะเข้าพบเพื่อให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนในวันที่ 23 และ 24 กรกฎาคมนี้ตามลำดับ
พ.ต.อ.ณษกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ หากในวันที่ 23 กรกฎาคม น.ส.กัญฐณาเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามกำหนดนัดหมายไว้ ทางพนักงานสอบสวนก็จะสอบสวนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการรับโอนหุ้น รวมทั้งประเด็นข้อสงสัยต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุด รวมถึงประเด็นที่ญาติของผู้เสียชีวิตยังคงติดใจสงสัยอยู่ เช่นเดียวกับกรณีของ น.ส.อุรชา และมารดาพร้อมกันนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับลายเซ็นของนายชูวงษ์ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับการโอนหุ้นให้ผู้รับโอนว่าตรงกันหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ลายเซ็นของนายชูวงษ์แล้วก็จะนำส่งพร้อมกับไฟล์คลิปเสียงของนายชูวงษ์โดยส่งให้กับทางกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เพื่อทำการตรวจสอบเปรียบเทียบต่อไป
วันเดียวกันนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า ทีมสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานมาประกอบ เพื่อนำไปสู่ความเชื่อมโยงคดี โดยเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังบริษัทหลักทรัพย์เพื่อขอคลิปเสียงการทำธุรกรรมโอนหุ้นในวาระต่างๆมาทำการเปรียบเทียบและนำส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่เมื่อวานนี้(21ก.ค.) ได้มีการสอบปากคำน.ส.อุรชา เที่ยงธรรม หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท หลักทรัพย์เออีซี จำกัด ในเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำในประเด็นขั้นตอนการทำธุรกรรมการโอนหุ้นจำนวน 5 แสน หุ้น มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท นอกจากนี้จะทำการเรียกโบร์กเกอร์อีก
2 ราย ที่อยู่ในกลุ่มของน.ส.อุรชา เที่ยงธรรม มาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อหาความเชื่อมโยงคดี ในส่วนของการติดตามผู้ที่ยังไม่เข้าให้ปากคำนั้นได้มีการประสานไปทางญาติครอบครัวและเพื่อนฝูงเพื่อให้ช่วยติดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องที่ยังไม่ให้ปากคำให้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ในเบื้องต้นไม่พบว่ามีการหลบหนีออกนอกประเทศแต่อย่างใด
