คนขับรถ กฟผ.ดอดมอบตัว สารภาพยิง พนง.รุ่นพี่ดับ ฉุนโดนด่า-ขู่ไล่ออกจากงาน

คนขับรถรับส่งเจ้าหน้าที่โรงไฟฟ้าพระนครใต้ เข้ามอบตัวที่ สน.บางพลัด คดียิงพนักงาน กฟผ.ดับคารถบัสหน้าห้างตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี อ้างผู้ตายชอบตำหนิเรื่องมารยาทขับรถ และดุด่าถึงบุพการี แถมชอบอวดเบ่งขู่จะไล่ออกจากงาน ทั้งที่ทำหน้าที่มานานกว่า 3 ปี จึงเกิดบันดาลโทสะ

จากกรณีนายสถิต จุมทอง อายุ 40 ปี คนขับรถรับส่งพนักงานโรงไฟฟ้าพระนครใต้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงนายโสภณ เจียระผกานนท์ อายุ 55 ปี พนักงานคอมพิวเตอร์ระดับ 7 กฟผ. เสียชีวิตจมกองเลือดคาเบาะที่นั่งผู้โดยสารแถวที่ 5 บนรถบัสขนส่งพนักงาน กฟผ. สีส้ม ทะเบียนป้ายแดง 080782 กทม. ของบริษัท พรทิพย์ แทรเวล จำกัด ก่อนจะหลบหนีไป จนช่วงเย็นของวันที่ 17 ก.ค. ทางพนักงานสอบสวน สน.บางพลัด ได้ขออำนาจศาลจังหวัดตลิ่งชันออกหมายจับนายสถิตในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะฯ และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรฯ เหตุเกิดที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ถนนสิรินธร แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม.

วันนี้ (21 ก.ค.) นายสถิต จุมทอง อายุ 40 ปี ผู้ก่อเหตุได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.อ.ลือศักดิ์ ดำเนินสวัสดิ์ ผกก.สน.บางพลัด พร้อม พ.ต.อ.เทพประธาน นิพิวรรณ์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน โดยมี น.ส.บุษบา ยศเป็ง อายุ 38 ปี ภรรยาของนายสถิตที่เพิ่งทราบข่าว เดินทางมาที่ สน.บางพลัด พร้อมกับลูกชายวัยขวบครึ่งด้วย

นายสถิตให้การรับสารภาพทั้งน้ำตาว่า หลังเกิดเหตุได้หนีไปกบดานที่บ้านลูกพี่ลูกน้องย่านบางขุนเทียน เป็นเวลา 2 วัน โดยขณะเดินทางได้นำอาวุธปืนขนาด .38 ที่ใช้ก่อเหตุที่ซื้อมาจากชายแดนประเทศกัมพูชาปีที่แล้วไปทิ้งไว้ในพุ่มไม้ระหว่างถนนกาญจนาภิเษกใกล้ถนนพุทธมณฑลสาย 2 โดยมีเงินติดตัวอยู่เพียง 10,000 บาท เพราะไม่อยากรบกวนญาติ เมื่อวานตนหนีไปอยู่โรงแรมย่านพุทธมณฑลสาย 4 เป็นเวลา 1 วัน ระหว่างนั้นรู้สึกกดดันกลัวความผิด เป็นห่วงลูกชาย อีกทั้งเงินติดตัวเริ่มหมดลงจึงตัดสินใจนั่งแท็กซี่เดินทางมามอบตัวที่ สน.บางพลัด เมื่อช่วงเช้าวันนี้

ส่วนสาเหตุที่ใช้อาวุธปืนยิงนายโสภณเสียชีวิต เนื่องจากผู้ตายมักด่าทอตนเรื่องมารยาทการขับรถ โดยกล่าวหาว่าเวลาตนขับรถผ่านผู้หญิงมักชอบบีบแตรแซว และชอบติเตียนเรื่องตนเอาภรรยาและลูกมาขึ้นรถด้วย บางครั้งถึงขั้นด่าถึงบุพการี ตนคิดว่าหนักเกินไปที่จะรับได้ แถมยังไม่ขอโทษสักคำ ตนเกิดความแค้นสะสมมานาน ประกอบกับคืนก่อนเกิดเหตุ ก่อนมาทำงานตนได้ดื่มสุราจนเมาด้วย ระหว่างขับเมื่อเห็นหน้า นายโสภณตนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ คว้าอาวุธปืนที่เก็บไว้บนรถไปยิงนายโสภณเสียชีวิต

นายสถิตกล่าวอีกว่า ตนขับรถส่งนายโสภณและพนักงาน กฟผ.คนอื่นๆ มาแล้ว 3 ปี บางวันนายโสภณจะขี้บ่น เอาแต่ใจตัวเอง เรื่องมาก และชอบเบ่งเพราะเห็นเป็นลูกน้อง ตนได้แต่เก็บกดเอาไว้ ครั้งสุดท้ายด่าถึงพ่อถือว่าหนักมาก แถมข่มขู่ว่าไม่อยากให้ตนขับรถส่งอีก เหมือนกับจะให้ออกจากงานถ้าไม่ตามใจ ตนแค่อยากให้เห็นใจกันบ้าง หลังก่อเหตุก็เครียดถึงขั้นจะฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ แต่ไม่คิดจะหนีไปไหน เพียงอยากหลบไปสงบสติอารมณ์ก่อน พอคิดได้จึงมามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่