ตร.ยังพุ่งเป้าการเสียชีวิต “เสี่ยชูวงษ์” 2 ประเด็น ทั้งเรื่องผลประโยชน์การโอนหุ้น และสาเหตุของการเสียชีวิต เร่งติดตามตัวพริตตี้มาสอบปากคำ ส่งลายเซ็นในการโอนหุ้นและคลิปเสียงของผู้ตายไปตรวจสอบ
วันนี้ (20 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจเจ้าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับรายงานการตรวจสอบที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องรอให้เป็นรายงานทั้งหมดมารวม และสรุปให้ได้ว่าเรื่องราวต่างๆ เป็นอย่างไรก่อนจึงจะสามารถนำมาเปิดเผยต่อสังคมได้ ส่วนพยานบุคคลที่เป็นพริตตี้ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังจะเรียกมาสอบปากคำนั้น ขณะนี้เชื่อว่าเจ้าตัวยังอยู่ในประเทศไทย และสามารถติดต่อผ่านทางทนายความได้ อย่างไรก็ตาม ได้เร่งรัดให้ตำรวจนครบาลรีบนำตัวพยานคนดังกล่าวมาสอบปากคำให้เร็วที่สุด เชื่อว่าในที่สุดเจ้าตัวคงต้องมาให้ข้อมูลต่อทางตำรวจย่างแน่นอน และคงไม่ถึงขนาดว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับเจ้าตัว ขณะที่ผลการตรวจของแพทย์นิติเวชเจ้าหน้าที่ก็ได้รับข้อมูลมาแล้ว ส่วนผลการพิสูจน์หลักฐาน วัตถุพยานนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจซ้ำอีกครั้ง เพราะในประเด็นการตรวจตอนแรกเป็นการตรวจอุบัติเหตุจราจรจึงต้องตรวจสอบเพื่อเก็บรายละเอียดทั้งหมดในรูปแบบคดีอาญาปกติ
“สำหรับการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับบาดแผล หรือร่องรอยการเกิดอุบัติเหตุของรถมันจะสะท้อนกัน ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาร่วมตรวจสอบ เพราะรถแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อมันแตกต่างกัน เหล่านี้จะนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางการสืบสวนต่อไป โดยคดีนี้ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง เนื่องจากเป็นคดีที่ต้องใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เยอะมากเพื่อมาชี้ให้เห็นว่าสาเหตุของการเสียชีวิตคืออะไรกันแน่ ฉะนั้นเมื่อได้บาดเแผลจากศพแล้วว่าสาเหตุอะไรทำให้เสียชีวิตก็ต้องนำมาประกอบกับของแข็งหรือชิ้นส่วนต่างๆ ที่อยู่ภายในรถยนต์ว่าการเสียชีวิตนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีในส่วนของคราบเลือดและเส้นผมที่ตรวจพบภายในรถยนต์คันเกิดเหตุซึ่งต้องรอผลอีกสักพักเพื่อนำไปแกะรอยรายละเอียดทางคดี รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ได้ส่งลายเซ็นในการโอนหุ้นและคลิปเสียงของผู้ตายไปตรวจสอบอีกด้วย” โฆษก ตร. กล่าว
ด้าน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวว่า การเสียชีวิตยังไม่ชี้ชัดว่าเป็นการฆาตกรรม เพราะต้องนำหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาพิจารณาประกอบด้วย โดยทราบผลชันสูตรแล้วบางส่วน ซึ่งคดีเหล่านี้ต้องใช้ข้อเท็จจริงเป็นตัวตั้ง รวมถึงต้องดูการเชื่อมโยงเรื่องของการโอนหุ้นว่าใครได้รับผลประโยชน์ ซึ่งตอนนี้ให้ความสำคัญเป็นเรื่องนี้เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การสืบสวนแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เรื่องผลประโยชน์การโอนหุ้น และสาเหตุของการเสียชีวิต ทั้งนี้จะมีการประชุมความคืบหน้าของคดีในวันที่ 21 ก.ค. เวลา 13.30 น. ที่กองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.)