ผบช.น.ยอมรับเคยถูกเรียกเป่าแอลกอฮอล์ขณะขับรถตรวจด่านตรวจใน กทม.จริง ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ได้บังคับใช้กฎหมายโดยไม่ละเว้นว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตแค่ไหน แต่ได้กำชับในเรื่องการใช้วิจารณญาณในการเลือกเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์
วันนี้ (15ก.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กล่าวถึงมาตรการเฝ้าระวังการก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อหลายจุดต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงมีมาตรการเข้มเหมือนเดิม ส่วนเรื่องของกล้องวงจรปิดที่หลายๆ ร้านยังไม่มี เราได้ประสานไปแล้ว ยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอยู่ตลอด อย่างกรณีล่าสุดหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ก็มีการไล่ติดตามคนร้ายไปแล้ว แต่ไม่สามารถทำอะไรรุนแรงได้ เพราะกลัวว่าผู้ที่ก่อเหตุจะเป็นเด็ก ข้อหาก็ไม่ได้ร้ายแรง เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถที่จะทำอะไรรุนแรงเกินกว่าเหตุได้ เมื่อวานนี้ (14 ก.ค.) ก็ได้มีการเรียกประชุมฝ่ายจราจร โดยได้ย้ำให้กำลังตำรวจจราจรปฏิบัติงานตั้งแต่ ตี 5 ถึง 5 ทุ่มก็จะมีกำลังบนท้องถนนเพิ่มขึ้นมาอีกเยอะ
พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวถึงกรณีที่ตนเองโดนเจ้าหน้าที่เรียกเป่าแอลกอฮอล์ว่า โดนเจ้าหน้าที่เรียกเป่าประมาณตี 2 ขณะขับรถออกตรวจด่านไปเรื่อยๆ ตรวจดูการวางจุดตรวจของฝ่ายปราบปราม ฝ่ายสืบสวน ตรวจดูด่านเมาของจราจรก็ถูกจราจรเรียกตรวจ พยายามอธิบายให้ฟังว่าตนไม่ใช่คนดื่มเหล้า หน้าก็ไม่ใช่ อธิบายถึง 4-5 รอบ ต้องแน่ใจแล้วว่าถ้าดื่มกินเหล้าต้องได้กลิ่นตามวิสัยปุถุชน เขาก็ยังจะให้ตรวจอีก ก็เลยจอดรถแล้วเรียกมาอบรมหน่อย โดยโดนถึง 2 ครั้งในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กับอีกจุดที่หน้าศาลอาญา ถนนรัชดาฯ ตนก็ได้อธิบายให้เจ้าหน้าที่ฟังไปว่าชาวบ้านที่ไม่ได้ดื่มเหล้ามา หากเรียกตรวจคุยกัน 1-2 นาที ถ้าคนดื่มเหล้ามาต้องได้กลิ่นแล้ว อย่างนี้ไม่สมควรไปเรียก ซึ่งในการเรียกตรวจนั้น เจ้าหน้าที่ได้พูดจาเรียบร้อยกับตน หากพูดจาไม่เรียบร้อยคงไม่ได้โดนอบรมอย่างเดียวคงต้องโดนลงทัณฑ์ด้วย เพียงแต่ยังขาดวิจารณญาณในการเรียกตรวจเท่านั้นเอง การโดนเจ้าหน้าที่เรียกตรวจก็ยังถือเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาทำงานเฝ้าท้องถนนให้พี่น้องประชาชนอยู่ในยามค่ำคืน เมื่อถามว่าหากการเรียกตรวจแล้วพบว่าเป็นคนใหญ่โตแล้วเกิดไม่ยินยอมให้ตรวจจะปฏิบัติอย่างไร พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบ ไม่มีการละเว้น เมื่อถามว่าวันที่โดนเรียกเป่าผู้ใต้บังคับบัญชาไม่รู้หรือว่าตัวท่านเป็นใคร พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ไม่ทราบ หลังจากโดนเรียกเป่า ตนก็ยินยอมแต่โดยดี โดยจอดรถลงไปตรงจุดเป่าก่อนที่ตนจะแสดงตนว่าเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อรู้ดังนั้นตำรวจคนดังกล่าวถึงกับหน้าซีด
เมื่อถามว่ารูปแบบการตั้งด่านหลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า รูปแบบการตั้งด่านหลังจากนี้ยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่เราจะเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไป เจ้าหน้าที่จะต้องพักผ่อนน้อยลง และก็ทำงานมากขึ้น และได้กำชับไว้ว่าอย่าทำให้รถติด เดี่ยวเกิดอุบัติเหตุแล้วจะไม่คุ้มกัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการออก พ.ร.บ.การชุมนุม ปี 2558 ในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลที่ต้องดูแลพื้นที่หลายๆ จุดใน กทม.ที่มีการชุมนุมบ่อยครั้งก่อนหน้านี้ เรามองว่าเป็นเรื่องดี เอื้ออำนวยให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติหรือว่าต้องเพิ่มแผนอะไรหรือไม่ หากมี พ.ร.บ.ตัวนี้ออกมา พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ได้ทราบเบื้องต้นแล้วเพียงแต่ยังอ่านไม่ละเอียด โดยส่วนตัวแล้วเมื่อกฎหมายออกมาตำรวจก็ต้องปฏิบัติ ตำรวจไม่ได้มีหน้าที่ออกกฎหมาย ตนไม่มีสิทธิ์มีความเห็นมันเป็นเรื่องของกฎหมาย เมื่อถามว่าจากที่อ่านคร่าวๆ ท่านมองว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องปฏิบัติในการควบคุมการชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ถ้าจะดีในตอนนี้ก็ดีประเด็นเดียว คือ ได้งบประมาณในการดำเนินงาน แต่เรื่องอื่นถือว่าเป็นกฎหมายที่จะต้องปฏิบัติ เมื่อถามว่าต้องมีการพูดคุยกับระดับผู้บังคับการลงไปในพื้นที่ต่างๆ เนื่องจากว่าจากนี้ไปในเรื่องแผนการปฏิบัติหากมีการชุมนุมในพื้นที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรจากแนวทางเดิมหรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า ไม่ใช่แค่การพูดคุยอย่างเดียว คงต้องออกกฎระเบียบ ทำคู่มือขึ้นมาเพื่อใช้ในทางปฏิบัติ แต่คงไม่ใช่ระดับนครบาล คงเป็นระดับ ตร. เพราะว่าใช้ร่วมกันทั้งประเทศ เมื่อถามว่าในส่วนของการปฎิบัติในระดับของนครบาลจะต้องมีการเสริมกำลัง อุปกรณ์ให้แก่นครบาลหรือไม่ หลังมี พ.ร.บ.ตัวนี้ออกมาเนื่องจากเป็นหน่วยที่ต้องรับผิดชอบโดยตรงตลอดหากเกิดเหตุการณ์ในพื้นที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ในระหว่างนี้ยุทธการเรายังขึ้นกับกองทัพอยู่ เมื่อกองทัพสั่งการมาเราถึงจะปฏิบัติแต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายด้วย