xs
xsm
sm
md
lg

ก.ตร.ยื่นอุทธรณ์กรณี “ศรีวราห์” แล้ว เจ้าตัวร่อนหนังสือจี้ “ประวิตร” คว่ำมติ ซัดผิด กม.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.
ก.ตร.ยื่นอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุดกรณีทวีคูณ “ศรีวราห์” แล้ว ขณะที่เจ้าตัวร่อนหนังสือจี้ “ประวิตร” คว่ำมติ ก.ตร. ซัดขัดกฎหมาย ด้านทีมกฎหมาย ตร.หารือด่วน ยันทำถูกต้องตามกฎหมาย-ระเบียบข้อบังคับ

วันนี้ (30 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.)ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดลงวันที่ 25 มิ.ย. 2558 ถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร) เรื่องขอคัดค้านการลงมติอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่ให้เพิกถอนมติ ก.ตร. และคืนสิทธิการนับระยะเวลาการปฏิบัติงานเป็นทวีคูณแก่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ในการประชุม ก.ตร.เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่ามติดังกล่าวขัดกฎหมายและข้อบังคับ

หนังสือร้องเรียนของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ระบุว่า ตนได้ทราบจาก ก.ตร.ท่านหนึ่งซึ่งเข้าประชุมเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ว่า เมื่อเวลา 11.00 น. ท่านประธาน ก.ตร.ได้ติดภารกิจและได้ออกจากที่ประชุม และได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมแทน จากนั้น พล.ต.อ.สมยศได้เสนอให้ที่ประชุม พิจารณาว่าจะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองต่อศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ และขอให้มีมติในเรื่องนี้ ที่ประชุมพิจารณาให้มีการลงคะแนนลับ มี ก.ตร.ร่วมพิจารณา 7 ท่านปรากฏว่าผลการลงคะแนนลับ ไม่อุทธรณ์ 2 เสียง ให้อุทธรณ์ 2 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ทำให้คะแนนเท่ากัน ประธานฯ ในที่ประชุมจึงได้กล่าวในที่ประชุมว่า “ถ้าให้ประธานฯ ลงคะแนนเสียงด้วยก็จะถูกฟ้องคนเดียว” และได้สั่งพักการประชุม ก่อนที่ประธานจัดให้มีการลงคะแนนเสียงใหม่อีกครั้งหนึ่งโดยทางลับ ผลคือ ไม่อุทธรณ์ 2 เสียง ให้อุทธรณ์ 3 เสียง งดออกเสียง 2 เสียงนั้น ขอเรียนว่าการดำเนินการออกเสียงลงคะแนนและมีมติดังกล่าวเป็นไปโดยขัดต่อกฎหมายและข้อบังคับ ก.ตร.

“กรณี พล.ต.อ.สมยศ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมแทนประธาน ก.ตร.นั้น ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 42 วรรค 2 บัญญัติไว้ว่า ในการประชุมถ้าประธาน ก.ตร.ไม่อยู่ให้ ก.ตร.เลือก ก.ตร.คนใดคนหนึ่งเป็นประธานแต่ในการประชุมนี้ไม่มีการเลือกแต่อย่างใด จึงทำให้การประชุม ก.ตร.ครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และในกรณีการประชุม ก.ตร.ดังกล่าวกรรมการได้ออกเสียงลงคะแนนลับในครั้งแรก ผลคะแนน ไม่อุทธรณ์ 2 เสียง ให้อุธรณ์ 2 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ทำให้คะแนนเท่ากัน ตามข้อบังคับ ก.ตร.ว่าด้วยการประชุมและการลงคะแนนของ ก.ตร.และของอนุ ก.ตร. พ.ศ. 2547 กำหนดให้ว่ากรณีเสียงเท่ากันให้ประธานออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาดโดยพลัน แต่การที่ประธานในที่ประชุมได้สั่งให้พักแล้วมีการลงคะแนนเสียงใหม่อีกครั้ง มติดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นอกจากนี้ กรณี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.ที่ร่วมลงมตินั้น ทั้งคู่เป็นกรณีและมีส่วนได้เสียเนื่องจากอยู่ร่วมประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 9/2555 เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2555 ที่ตนได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ในกรณีที่ ก.ตร.มีมติไม่ชอบด้วยกฎหมาย และศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้มีมติเพิกถอนมติ ก.ตร.ดังกล่าวตามฟ้อง ดังนั้น ผู้มีส่วนได้เสียดังกล่าวจึงต้องห้ามมิให้กระทำการพิจารณาทางการปกครอง ตามมาตรา 13 (1) แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 และ ข้อบังคับ ก.ตร.ว่าด้วยการประชุมและการลงมติของ ก.ตร.และอนุ ก.ตร. พ.ศ. 2547 มติดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย การประชุม ก.ตร.ดังกล่าวได้พิจารณาว่าจะอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลางของตนต่อศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ เป็นการพิจารณาทางปกครอง การกระทำดังกล่าวจึงต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 จึงได้มีหนังสือขอเข้าชี้แจงต่อที่ประชุม ก.ตร.เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม การประชุมดังกล่าวจึงมิชอบด้วยกฎหมาย จึงเรียนมาเพื่อขอได้โปรดสั่งการให้ยกเลิกมติในการประชุมดังกล่าวเพื่อให้ถูกต้องต่อไป” พล.ต.ท.ศรีวราห์ระบุ

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตรได้สั่งการให้ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง มีหนังสือแจ้งสั่งการถึง ผบ.ตร. ระบุว่า ด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ได้มีหนังสือด่วนมากลงวันที่ 25 มิ.ย. 58 เรื่องคัดค้านการลงมติในการประชุม ก.ตร.อันขัดต่อกฎหมาย และข้อบังคับ จากการประชุม ก.ตร.เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2558 วาระเกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขแดงที่ 1360/2558 ให้ ผบ.ตร.ตรวจสอบ โดยพิจารณาข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย แล้วพิจารณาเสนอความเห็นโดยด่วนภายใน 29 มิ.ย. 2558

รายงานว่าแจ้งว่า เนื่องจาก พล.ต.อ.สมยศเดินทางไปราชการต่างประเทศ พล.ต.อ.เอก รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ได้รับหนังสือดังกล่าวและสั่งการไปยัง พล.ต.อ.ชัยยง กีรติขจร ที่ปรึกษา (สบ 10) ให้หารือเรื่องนี้ร่วมกับตัวแทนสำนักงานกฎหมายและคดี และตัวแทนสำนักงาน ก.ตร.เพื่อพิจารณาตามที่มีการสั่งการและร้องเรียน โดยผลการหารือเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า ในประเด็นที่ว่าไม่มีการเลือกให้ พล.ต.อ.สมยศทำหน้าที่ประธานการประชุมแทน พล.อ.ประวิตรนั้นสามารถทำได้ เนื่องจากมีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 88/2557 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ เปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ก.ตร.โดยกำหนดให้ ผบ.ตร.เป็นรองประธาน ก.ตร. ดังนั้นการทำหน้าที่ของ พล.ต.อ.สมยศสามารถทำได้ ส่วนประเด็นที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์โต้แย้งกรณี พล.ต.อ.เอก และ พล.ต.อ.พงศพัศไม่มีสิทธิร่วมประชุมเพราะเป็นคู่กรณีและมีส่วนได้เสียนั้น ประเด็นนี้ชี้ว่าเป็นการร่วมพิจารณาว่าจะอุทธรณ์คำพิพากษาหรือไม่ ซึ่งเป็นการพิจารณาในฐานะ ก.ตร.ซึ่งเป็นคู่ความตามคำพิพากษาของศาลปกครอง รอง ผบ.ตร.ทั้ง 2 คนจึงมีสิทธิพิจารณา โดยสรุปว่าการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ผ่านมาชอบด้วยกฎหมายและเป็นไปตามกฏข้อบังคับ ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการทำหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร เพื่อขอขยายเวลาการชี้แจงทั้งนี้ เพื่อให้การพิจารณาเป็นไปอย่างรอบคอบและรอให้ พล.ต.อ.สมยศกลับมาจากไปราชการต่างประเทศได้ร่วมพิจารณาอีกครั้ง

ขณะที่ยังมีรายงานด้วยว่า ภายหลังจากที่ ก.ตร.มีมติไปเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทาง ก.ตร.ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดตามกรอบเวลากำหนดไปแล้วตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น