ทนายนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ดูขั้นตอนการตรวจหลักฐานโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่องที่ตำรวจยึดมาได้จากการค้นรถ พร้อมโต้ ผบช.น.กล่าวหาเกินจริง ยันโทรศัพท์ที่ยึดไปยังไม่ได้เปิดพิสูจน์
วันนี้ (29 มิ.ย.) ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) น.ส.เยาวลักษณ์ อนุพันธ์ หัวหน้าศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ทนายความของนักศึกษา 14 คนจากกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่ถูกจับกุมและควบคุมตัวในเรือนจำตามหมายจับศาลทหาร นำคณะทนายความเข้าพบ พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐ.ก.) พ.ต.อ.วิวัฒน์ สิทธิสรเดช นักวิทยาศาสตร์ (สบ 4) กลุ่มงานตรวจพิสูจน์อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ โดยมีการหารือร่วมกันในห้องประชุม พฐก.นานกว่า 1 ชั่วโมง จากนั้นเดินทางไปยังห้องปฏิบัติการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ กลุ่มงานตรวจพิสูจน์อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่ในบริเวณ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เพื่อตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่องที่พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ยึดได้จากการตรวจค้นรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นซีอาร์-วี ทะเบียน กค 9966 ยโสธร ของ น.ส.ศศิกาญจน์ เจริญศิริ หนึ่งในทีมทนายความของนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ โดยใช้เวลาในการตรวจสอบหลักฐานนานกว่า 30 นาที
น.ส.เยาวลักษณ์กล่าวภายหลังตรวจสอบหลักฐานว่า วันนี้นำคณะมาตรวจสอบหลักฐานโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่องของกลุ่มนักศึกษาที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ยึดไป ที่ต่อมา พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าพบพยานหลักฐานโยงใยการกระทำผิดจากการค้นรถ จึงสงสัยว่ามีการตรวจโทรศัพท์แล้วจริงหรือไม่ พบว่าไม่จริง เพราะวันนี้ทางกองพิสูจน์หลักฐานกลางนำโทรศัพท์มือถือทั้ง 5 เครื่องที่ยึดไปมาให้พวกตนดู พบว่ายังอยู่ในซอง ไม่ได้ทำการเปิด ทั้งนี้ในตอนที่เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานได้นำโทรศัพท์มือถือใส่ถุงปิดผนึกเรียบร้อย โดยให้ตนในฐานะทนายได้ลงชื่อกำกับไว้ กระทั่งวันนี้ก็พบว่ายังไม่มีการเปิดถุงแต่อย่างใด จึงสงสัยว่าหลักฐานที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์นำไปพูดนั้นมาจากอะไร ในเมื่อหลักฐานโทรศัพท์มือถือยังไม่มีการเปิดดูด้วยซ้ำ ประเด็นนี้ตนจะต้องนำไปต่อสู้เป็นข้อโต้แย้งทางคดีต่อไป
“ในช่วงที่มีการยึดโทรศัพท์มือถือทั้ง 5 เครื่อง พบว่ามีช่วงหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายได้เอาโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่องออกจากสถานที่เกิดเหตุ หายไป 12 นาที แล้วกลับมาพร้อมโทรศัพท์ ตรงนี้ทำให้เคลือบแคลง ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งได้ทักท้วงว่าเป็นการทำผิดขั้นตอนทางกฎหมาย” น.ส.เยาวลักษณ์กล่าว
น.ส.เยาวลักษณ์กล่าวด้วยว่า วันนี้ทางทนายได้มีการขอให้ทำสำเนาข้อมูลโทรศัพท์มือถือทั้ง 5 เครื่องออกเป็น 2 ชุด ชุดหนึ่งตนขอรับกลับไป และมีสำเนาเก็บไว้ที่ สพฐ.ตร.ด้วย วันนี้ได้มีการตรวจพิสูจน์รหัสประจำตัวเครื่องโทรศัพท์หรือเลขอีมี เพื่อบ่งบอกว่ามาจากโทรศัพท์เครื่องไหน แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าโทรศัพท์เครื่องไหนเป็นของใคร เพราะตอนที่ออกจากศาลทหาร นักศึกษาไม่สามารถนำทรัพย์สินไปที่เรือนจำได้จึงนำมาฝากไว้ โดยส่วนมีความเชื่อมั่นในการทำงานของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง และเคารพวิชาชีพของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ ปกติต้องใช้เวลาในการตรวจของกลาง 2 สัปดาห์ แต่ทราบว่าคดีนี้มีการสั่งเร่งรัดพิเศษให้ทำสำเนาโดยเร็ว ภายใน 2-3 วันก็คงตรวจเสร็จก่อนรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งมอบให้พนักงานสอบสวน