ก.ตร.แต่งตั้งนายพลสีกากีนอกฤดูกาล 33 ตำแหน่ง ให้ “พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี” ขึ้น ผบก.ป.และมีมติอุทธรณ์คำสั่งนับอายุราชการทวีคูณของ “ศรีวราห์” ต่อศาลปกครองสูงสุด
วันนี้ (25 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยมี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งนายนนทิกร กาญจนจิตรา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ร่วมประชุม โดยขาดเพียง พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร.ที่ขอลาป่วย โดยมีการพิจารณาวาระสำคัญ คือ การแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจนอกวาระประจำปี และการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกรณีที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ร้องว่า ก.ตร.ไม่ให้ความเป็นธรรมเรื่องการใช้สิทธินับอายุราชการแบบเพิ่มวันทวีคูณ ในการแต่งตั้งเลื่อนขึ้นเป็นผู้บัญชาการ ซึ่งศาลปกครองกลางให้ ก.ตร.เพิกถอนมติและเยียวยาแก่ พล.ต.ท.ศรีวราห์
มีรายงานว่า ก.ตร.ได้พิจารณาวาระแต่งตั้งโยกย้ายก่อน โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง โดย ก.ตร.เห็นชอบตามบัญชีที่ ผบ.ตร.เสนอ จากนั้น พล.อ.ประวิตร และ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ รอง ผบ.ตร.ได้ออกจากห้องประชุมเนื่องจากติดภารกิจ โดยประธาน ก.ตร.มอบหมายให้ พล.ต.อ.สมยศเป็นประธานต่อและพิจารณากรณีอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางกรณี พล.ต.ท.ศรีวราห์ โดยที่ประชุมใช้เวลาพิจารณาเรื่องนี้นานกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยที่ประชุมตัดสินด้วยการลงมติลับ ให้ ก.ตร.อุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ด้วยคะแนนเสียง 3 ต่อ 2 ขณะที่มี ก.ตร.2 คน งดออกเสียง
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า การแต่งตั้งเรียบร้อยดี มีการสับเปลี่ยนตำแหน่งเพียงเล็กน้อย เป็นการหมุนเวียนและเปลี่ยนตำแหน่งที่ว่าง โดยตนเห็นด้วยตามที่ ผบ.ตร.เสนอทุกตำแหน่ง
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสการแต่งตั้ง พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบก.สปพ. รรท.ผบก.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ทำหน้าที่ประสานงานรองนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็น ผบก.นั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก.ตร.ได้แต่งตั้งให้ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์เป็นผู้บังคับการประจำสำนักงาน ผบ.ตร.ซึ่งเป็นตำแหน่งที่รักษาการอยู่แล้ว เมื่อครบเกณฑ์ตามที่กำหนดก็ขึ้นมา ไม่ได้ไปตำแหน่งอื่น ให้ปฏิบัติหน้าที่ประสานงานกับตนเช่นเดิม ส่วนการพิจารณาที่ศาลปกครอง กรณี พล.ต.ท.ศรีวราห์เป็นเรื่องของทางตำรวจพิจารณาตนต้องไปงานที่อื่นต่อ
ด้าน พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า การแต่งตั้งผ่านไปด้วยดี มีการพิจารณาโยกย้ายสับเปลี่ยนรวม 33 ตำแหน่ง ก.ตร.เห็นชอบตามที่ตนเสนอไปทั้งหมด โดยพิจารณาอย่างรอบคอบ และทำตามระเบียบกฎเกณฑ์ครบถ้วนตามกฎหมาย ทั้งนี้กลุ่มที่มีอาวุโสร้อยละ 33 และ ก.ตร.มีมติให้ได้รับการเยียวยาก็พิจารณาแต่งตั้งทุกราย โดยตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผบก.ป.ก็แต่งตั้งให้ผู้ที่รักษาราชการแทนอยู่เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ส่วนผบก.รน.ก็มีการแต่งตั้งรอง ผบก.จากนอกหน่วยมาดำรงตำแหน่ง ซึ่งตำแหน่งนี้มีการสอบถามถึงเหตุผล วิพากษ์วิจารณ์กัน ขอชี้แจงว่า ในบก.รน. ถูกมองเป็นแหล่งผลประโยชน์ จึงต้องปรับเปลี่ยน ถ่ายเลือด ไม่ให้เกิดการลูบหน้าปะจมูก เข้าไปคุ้นเคยเกี่ยวข้องผลประโยชน์ ทั้งนี้ในตำแหน่งของ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่เลื่อนขึ้นเป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.ก็ไม่มี ก.ตร.คนใดคัดค้าน
“นอกจากนี้มีการโยกย้าย พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ภ.จว.สตูล ที่สั่งมาช่วยราชการก่อนหน้านี้ จากกรณีโรฮีนจาได้โยกย้ายออกนอกหน่วยไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม และแต่งตั้งผู้ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่มาดำรงตำแหน่งแทน ขณะเดียวกันก็มีการโยกย้าย พล.ต.ต.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี ช่วยราชการ ศปก.ตร. ไปยังบช.ภ.6 ส่วน พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม ที่เคยสั่งให้มาช่วยราชการที่ ศปก.ตร.ก่อนหน้านี้ไม่ได้พิจารณาโยกย้ายในครั้งนี้ โดยหลังจากให้มาช่วยราชการก็ได้ให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามเดิมแล้ว” ผบ.ตร.ระบุ
พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงกรณีศาลปกครองมีคำสั่งให้เพิกถอน มติ ก.ตร.กรณีไม่ให้สิทธิทวีคูณแก่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ว่า ก.ตร.ได้พิจารณาลงมติลับ เสียงข้างมากเห็นควรให้มีการอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไป โดยในการพิจารณาวาระนี้ พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ พล.ต.อ.วุฒิ และ นายนนทิกร ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องทำการอุทธรณ์ ซึ่งการพิจารณาเป็นไปตามข้อมูลที่ผ่านเลขาฯ ก.ตร.เสนอขึ้นมา เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง การออกเสียงทำโดยลับ เชื่อว่า ก.ตร.ทุกคนมีเอกสิทธิ์ในการลงความเห็น อย่างไรก็ตาม หากผู้ใดเสียสิทธิและได้รับผลกระทบก็มีสิทธิดำเนินการตามกฎหมายได้
สำหรับรายชื่อที่ผ่านการพิจารณาของ ก.ตร. มี 33 ตำแหน่ง ระดับรอง ผบช. 8 ตำแหน่ง ประกอบด้วย พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ภ.6 นรต.รุ่น 34 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.เป็น รอง ผบช.ก.เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.สยศ.นรต.รุ่น 36 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.โยกมาเป็น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.จักรกฤษศณ์ สิงห์ศิลารักษ์ รอง จเรตำรวจ (สบ 7) เป็นรองผบช.ศ.พล.ต.ต.ชลิต ถิ่นธานี ผบก.ประจำ.ภ.8 เป็น รอง จตร.(สบ7) พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ ผบก.ประจำ บช.ก. เป็น รองผบช.สยศ. พล.ต.ต.จำรูญ คธาสิทธิ์ ผบก.อก.บช.ศชต. เป็น รองผบช.ศชต.พล.ต.ต.สุวรรณ เอกโพธิ์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ นรต.รุ่น 33 เป็น รอง ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ ผบก.ภ.จว.พิจิตร นรต.รุ่น 36 เป็น รอง ผบช.ภ.6 ระดับผู้บังคับการ (ผบก.) พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ภ.จว.สตูล ช่วยราชการ ศปก.ตร.จากกรณีเหตุค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา นรต.40 ถูกโยกเป็น ผบก.สนับสนุนทางเทคโนโลยี สทส. พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ผบก.น.4 นรต.รุ่น 36 เพื่อนสนิท พล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็น ผบก.บก.ปอศ.พล.ต.ต.ชาติชาย เอี่ยมแสง ผบก.ตม.4 น้องเขย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีตผบ.ตร. โยกมาเป็น ผบก.ประจำ บช.ก. พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผบก.สท.เป็น ผบก.ตม.4 พล.ต.ต.ชาติชาย แตงเอี่ยม ผบก.อก.สทส. เป็น ผบก.จ.บุรีรัมย์ พล.ต.ต.ดำรงค์ เพ็ชรพงศ์ ผบก.ประจำ บช.ภ. 6 นรต.รุ่น 37 เป็น ผบก.ภ.จว.พิจิตร พล.ต.ต.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี ช่วยราชการศปก.ตร. จากกรณีนำตำรวจคราวะนักการเมืองคนดังในพื้นที่ โยกมาเป็น ผบก.ประจำภ. 6 พล.ต.ต.ธงชัย วงศ์ศรีวัฒนกุล ผบก.บก.ปอศ. นรต.รุ่น 31 เพื่อนร่วมรุ่น ผบ.ตร.ไปเป็น ผบก.ประจำภ.8 พล.ต.ต.ชัยณรงค์ เจริญชัยเนาว์ ผบก.อก.บช.ก.เป็น ผบก.ประจำ.ภ.9 พล.ต.ต.อภิชัย ธิอามาต์ ผบก.ทท. นรต.รุ่น เป็น ผบก.อก.สทส. พล.ต.ต.เสถียร คูวิบูลย์ศิลป์ ผบก.กองวินัย เป็น ผบก.อก.สพฐ.ตร.สลับกับ พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธํารงค์ ผบก.อก.สพฐ.ตร. เป็น ผบก.วน. พล.ต.ต.ชัชวาลย์ วชิรปราณีกุล ผบก.น.9 นรต.รุ่น 32 โยกเป็น ผบก.สท.และให้ พล.ต.ต.ชัยทัต บุญขำ ผบก.ป. เป็นนายตำรวจราชสำนักประจำ (สบ 6) ส่วนปฏิบัติการนรป.
ขณะที่ระดับรอง ผบก.ขึ้น ผบก. ประกอบด้วย พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบก.สปพ. รรท.ผบก.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ทำหน้าที่ติดตามประสานงานกับ พล.อ.ประวิตร นรต.47 ขึ้นเป็น ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร.ด้วยสิทธินับอายุราชการแบบทวีคูณ พ.ต.อ.ธัมมศักดิ์ วาสะศิริ ผบก.ประจำ บช.ภ.9 เป็น ผบก.ภ.จว.สตูล พ.ต.อ. กฤตธาพล ยี่สาคร รอง ผบก.น.5 ได้รับแรงสนับสนุนจากในกองทัพให้เป็น ผบก.รน.พ.ต.อ.ทรงพล วัฒนชัย รอง ผบก.น.1 นรต.รุ่น 33 อดีตรองโฆษก ศอฉ. เป็น ผบก.น.9 พ.ต.อ.นันทชาติ ศุภมงคล รอง ผบก.สส.บช.ภ.1 นรต.รุ่น 36 เป็น ผบก.น.4 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.1 นรต.รุ่น 32 เป็น ผบก.อก.บช.ก..พ.ต.อ.ศุภพล อรุณสิทธิ์ รอง ผบก.ทท.นรต.รุ่น 32 สายตรง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็น ผบก.ทท. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบก.ป.รรท.ผบก.ป.นรต.รุ่น 41 เป็น ผบก.ป. พ.ต.อ.มงคล วรุณโณ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา นรต.รุ่น 36 เป็น ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ. กฤษณ์จารุเสน รอง ผบก.อก.บช.ศ. เป็น ผบก.อก.ศชต. และ พ.ต.อ.โชคชัย เกษมไพบูลย์สุข นพ.(สบ 5) เป็นนายแพทย์ (สบ 6)
นอกจากนี้ มีรายงานว่า พล.ต.อ.สมยศจะมีคำสั่งให้ผู้ได้รับการพิจารณาแต่งตั้ง ไปรักษาราชการแทนในตำแหน่งใหม่ในวันที่ 26 มิ.ย.นี้