ตำรวจ สน.คันนายาวจับหนุ่มขนธนบัตรสหรัฐอเมริกาปลอม 4.9 แสนดอลลาร์ เผยได้รับค่าจ้าง 1.8 แสนบาท
วันนี้ (22 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พ.ต.อ.สหภัทร กายขำสิทธิกุล ผกก.สน.คันนายาว พ.ต.ท.พงษ์สิทธิ์ ปาลาพงศ์ สว.สส.สน.คันนายาว พ.ต.ท.ดนัย เสียงหวาน สว.จร.สน.คันนายาว เจ้าหน้าที่สืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.คันนายาว แถลงจับกุมนายอาวุธ ศิริรัตน์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107/1 หมู่ 5 ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมของกลางกระเป๋าสะพายผ้าสีดำ 1 ใบ ธนบัตรดอลลาร์สหรัฐปลอมฉบับละ 100 ดอลลาร์ จำนวน 49 มัด ประมาณ 4,900 ฉบับ มูลค่า 490,000 ดอลลาร์ หรือ 15,680,000 บาท โดยสามารถจับกุมได้บริเวณแยกนวลจันทร์ ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. ในข้อหามีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งธนบัตรต่างประเทศอันตนได้มาโดยไม่รู้ว่าเป็นของปลอม
พ.ต.อ.สหภัทรกล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 02.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คันนายาว ได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจค้นบริเวณแยกนวลจันทร์ พบรถแท็กซี่ หมายเลขทะเบียน มจ 6750 กทม.ผ่านเข้ามาจุดตรวจค้น โดยมีนายอาวุธ ผู้ต้องหานั่งมาข้างคนขับ ถือกระเป๋าสะพายผ้าสีดำ จึงขอทำการตรวจค้นพบธนบัตรดอลลาร์ปลอม 49 มัด จากการตรวจเบื้องต้นนายอาวุธไม่สามารถตอบคำถามได้ว่าเงินจำนวนดังกล่าวมาจากไหน บอกเพียงแค่มีคนว่าจ้างให้ไปส่งให้คนชื่ออ้อ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) ที่บิ๊กซีสะพานควาย เพื่อเอาเงินดังกล่าวไปขาย แต่ขายไม่ได้เพราะเป็นธนบัตรปลอมจึงได้เดินกลับบ้าน จนกระทั่งถูกจับกุมได้ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเงินของกลางไปตรวจสอบที่เคาน์เตอร์ธนาคารทหารไทยสาขาสนามบินดอนเมืองจากเครื่องฝากธนบัตร ยืนยันว่าเงินดังกล่าวเป็นธนบัตรปลอม ด้านผู้ต้องหาเองก็ยืนยันว่าได้รับการว่าจ้างจากนางอ้อ และนายอ้น ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง สามีภรรยา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังไปตรวจค้นบ้านพักของนางอ้อและนายอ้นแต่ไม่พบทั้งคู่ คาดว่าจะทราบเรื่องแล้วหลบหนีไป
จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่าทำเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ตนประกอบอาชีพนายหน้าขายที่ แต่ช่วงนี้กำลังตกงานและได้รับการติดต่อมาจากนางอ้อและนายอ้น สามีภรรยาซึ่งเป็นนายทุนที่รู้จักกันก่อนหน้านี้ตอนที่ตนทำงานเป็นนายหน้าซื้อขายที่ดินทางภาคเหนือว่าให้ขนธนบัตรดังกล่าว โดยจะมีคำนำธนบัตรมาให้ ชื่อว่ามาดาม (ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล) จะอ้างว่าต้องการจะให้เอาเงินตรงนี้ไปขายเพื่อที่จะลงทุนทองคำ โดยจะได้รับส่วนแบ่ง 1.25 เปอร์เซ็นต์ หรือเงินไทยประมาณ 170,000-180,000 บาท ตนเห็นว่าเป็นงานง่ายจึงรับคำกระทั่งมาถูกจับ