ผบ.ตร.หนุนนายกฯ ใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาเด็กแว้น-ขายเหล้าใกล้สถานศึกษา โดยเบื้องต้น ตร.จะเป็นผู้ดูแลปัญหาในระยะสั้น จัดชุดปฏิบัติการปราบปราม เล็งเพิ่มระยะเวลาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแก๊งแว้น
วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการประชุมเรื่องปัญหาเยาวชนแข่งจักรยานยนต์บนถนนสาธารณะ หรือเด็กแว้น ที่กระทรวงยุติธรรมว่า เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมาได้เข้าร่วมประชุม พร้อมกับ 64 หน่วยงาน โดยได้บทสรุปว่าการดำเนินการกับเด็กแว้นจะมี 3 ขั้นตอน ระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ในระยะสั้นจะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการ โดยได้มอบนโยบายให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ไปดำเนินการ เบื้องต้นได้สั่งการให้ทุก บก.ในเขตนครบาลและปริมณฑลให้จัดชุดพิเศษขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เกี่ยวกับเด็กแว้นโดยเฉพาะชุดละ 50 นาย
“เพื่อให้เกิดความเข้าใจ มีการประสานงานร่วมกันทำงานทุกวัน จะได้มีความเข้าใจ ถ้ามีการสับเปลี่ยนกำลังบ่อย ความเข้าใจ ความคล่องตัวจะไม่ดีพอ เพราะตำรวจต้องไปตั้งด่านตั้งแต่ 23.00-06.00 น. ต้องกลับมาทำหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจรหรือสายตรวจอีกก็จะทำให้เกิดความอ่อนล้าอาจปฏิบัติหน้าที่ไม่เต็มที่ แต่ถ้ามีชุดปฏิบัติงานโดยเฉพาะจะทำให้ขีดความสามารถ ความเข้าใจ ประสบการณ์ ความคล่องตัว การประสานงานจะทำได้ดี ส่วนระยะกลางจะมีการพิจารณาว่าหน่วยงานไหนที่เข้ามาเกี่ยวข้องและมีการปรับปรุงอะไรหรือไม่ ในส่วนระยะยาวจะมาดูเรื่องกฎหมาย จะต้องลงโทษกับใครบ้าง ลงโทษกับเยาวชนเพื่อจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากเดิม 15 วัน เปลี่ยนเป็น 1 เดือนหรือ 2 เดือน ต้องดูว่าการที่นำตัวเยาวชนไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือทัศนคติเป็นเวลานานจะกระทบกระเทือนการศึกษาหรือไม่” ผบ.ตร.ระบุ
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้วางกรอบไว้ชัดเจน ในส่วนของตำรวจก็จัดให้มีชุดปฏิบัติการแต่ละ บก.ให้ทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะ ต่อไปนี้ปัญหาเด็กแว้นไม่ใช้เฉพาะตำรวจเท่านั้นที่จะแก้ปัญหา ทุกๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องมีส่วนที่จะต้องช่วยแก้ปัญหา รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองต้องเข้ามามีส่วนร่วมแก้ปัญหานี้ด้วย เพราะที่ผ่านมาการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำมาโดยตลอดแต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน เยาวชนเหล่านี้อาจคิดว่าบทลงโทษน้อย หรือวิธีการเดิมแค่บังคับใช้กฎหมายแต่ไม่มีวิธีการปรับทัศนคติและค่านิยมซึ่งเด็กเหล่านี้อาจจะมีปมด้อย เช่น เรียนไม่เก่งจึงต้องออกมาปลดปล่อย แต่เด็กที่เรียนเก่งก็ไม่มาทำเพราะมีวิธีการในการแสดงออกอย่างอื่น
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งให้ดำเนินการให้เร็วที่สุด ทั้งเรื่องเด็กแว้น และการจำหน่ายสุราใกล้สถานศึกษาจะต้องให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายในสิ้นเดือนนี้ เพราะฉะนั้นถ้าพูดถึงสิ้นเดือนนี้กฎหมายต่างๆ ไม่มีทางแก้ได้ทัน จึงมีการพูดถึงว่าควรจะมีการนำมาตรา 44 มาใช้หรือไม่
“ท่านนายกฯ ก็พูดมาตลอด ถ้าจะใช้ต้องเกิดประโยชน์ และถ้าไม่มีหนทางอื่นมาทำให้เกิดประโยชน์โดยเร็วพลันนั้น ก็ต้องใช้มาตรา 44 ผมมองแล้วและเคยบอกไว้ว่าสนับสนุนให้ใช้มาตรา 44 กับเด็กแว้น และเรื่องการจำหน่ายสุราใกล้สถานศึกษา เพราะว่าเราไปแก้กฎหมายตามเงื่อนเวลาที่กำหนดไว้ก็จะไม่ทันการณ์ เพราะฉะนั้นสิ่งที่รวดเร็วและได้ผลชัดเจนต้องเป็นมาตรา 44 แต่ก็ต้องเป็นอำนาจของนายกฯ” พล.ต.อ.สมยศระบุ
