xs
xsm
sm
md
lg

“เสี่ยบิ๊ก” แจงดีเอสไอรับเช็คสหกรณ์ยูเนี่ยน 20 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา หรือเสี่ยบิ๊ก ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลเพื่อนตำรวจ
“เสี่ยบิ๊ก” ปธ.บริหารสโมสรฟุตบอลเพื่อนตำรวจ ให้ปากคำดีเอสไอ หลังมีชื่อรับเช็คจาก “ศุภชัย” อดีตปธ.สหกรณ์ยูเนี่ยน 20 ล้าน - ชี้ กรณี กู้เงิน สกสค. ถูกกกลั่นแกล้ง



วันนี้ (10 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคารบี ถ.แจ้งวัฒนะ นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา หรือ เสี่ยบิ๊ก ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลเพื่อนตำรวจ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวะกุล ผบ.สำนักการเงินและการธนาคาร น.ส.วิลาสินี ปานใจ และ นายณฐกร นวลทอง อัยการพิเศษ เพื่อให้ปากคำในฐานะพยาน กรณีมีส่วนเกี่ยวข้องในการรับเช็คจาก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ในช่วงปี 2552 - 2555 จำนวน 2 ฉบับ มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท

เบื้องต้น นายสัมฤทธิ์ ยอมรับว่า รู้จักกับนายศุภชัย แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด โดยระบุว่าได้ให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวนแล้ว สำหรับเช็คมูลค่า 20 ล้าน นายสัมฤทธิ์ กล่าวว่า ไม่เคยเห็นเช็คดังกล่าว และไม่ได้รับเช็คเลย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณี บริษัท บิลเลี่ยนฯ กู้เงินจาก สกสค. ขณะนี้ยังติดขัดตรงไหนถึงยังไม่สามารถออกมาตอบคำถามต่อสังคมได้ นายสัมฤทธิ์ กล่าวว่า ทุกวันนี้สังคมตราหน้าตนว่าเป็นคนผิด แต่ถ้าวันนี้ตนนำหลักฐานทั้งหมดมาเปิดเผยก็คงมีหลายฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง อีกทั้ง งานนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะสถาบันครูเพียงอย่างเดียว และไม่ใช่แค่การเรียกเงิน เนื่องจากเป้าหมายที่จริงแล้วคือชีวิตของตน เพราะขณะนี้ตนเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นที่ตนจะต้องออกมาสร้างภาพและให้นักข่าวมาทำข่าว เพราะตนไม่ใช่พวก 18 มงกุฎที่ทำผิด

สำหรับกรณีที่เจ้าหน้าที่ไปเปิดตู้เซฟที่ สกสค. นั้น ตนมองว่าเพื่อความเป็นธรรม การที่เจ้าหน้าที่จะไปเปิดหลักฐานก็ควรเชิญเจ้าของทรัพย์สิน บอร์ดบริหาร สกสค. และที่ปรึกษาชุดเก่าของ สกสค. ร่วมเปิดด้วย ไม่ใช่เปิดมาแล้วก็บอกว่าเอกสารหรือหลักฐานที่พบทั้งหมดเป็นของปลอม ทั้งนี้ ในส่วนของการมีหุ้นสโมสรเร้ดดิ้ง ตนยังไม่ขอตอบคำถามในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม ตนจะมีการเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้งถึงประเด็น สกสค.

นายสัมฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ประเด็นดังกล่าวมีกลุ่มบุคคลที่เสียผลประโยชน์ตั้งแต่บอร์ด สกสค. ชุดเก่า และที่ปรึกษาบอร์ด สกสค. ซึ่งบุคคลเหล่านี้มีตำแหน่งหน้าที่สำคัญหลายตำแหน่งในสังคม โดยตนมีทั้งคลิปเสียง หลักฐานพยานบุคคล ครบทุกอย่าง เพียงแต่วันนี้ที่อดทนก็เพื่อรอดูว่าอีกกลุ่มนั้นจะออกมาพูดอย่างไร ส่วนรายละเอียดต่างๆ ก่อนหน้านี้ตนได้ให้ข้อมูลกับกองปราบมาโดยตลอด เนื่องจากกองปราบเป็นหน่วยงานเดียวที่เป็นที่พึ่งของตน ทั้งนี้ กรณีที่มีข่าวว่าตนจะหลบหนีไปต่างประเทศนั้นไม่เป็นความจริง และก็ไม่ทราบว่าจะหนีไปทำไมเพราะบ้านและครอบครัวของตนก็อยู่ที่ประเทศไทย ที่สำคัญตนไม่ได้ทำอะไรผิด อย่างไรก็ตาม ในช่วงเย็นของวันนี้มีการแข่งขันฟุตบอลระหว่างสโมสรเพื่อนตำรวจกับบางกอกกล๊าซเอฟซี ที่จ.ปทุมธานี ซึ่งตนจะเดินทางไปชมด้วย

“อยากขอความเป็นธรรมกับสื่อ เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นสื่อสำนักใดก็ตาม ที่เคยมาทำสกู๊ป ซึ่งทางตำรวจก็เช็คหมดแล้ว และนักข่าวหลายสำนัก หลายคนก็มีจรรยาบรรณ แต่ยังมีนักข่าวบางกลุ่มที่รับเงินเพื่อมาทำข่าว” นายสัมฤทธิ์ กล่าว

ด้าน พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวภายหลังสอบปากคำ นายสัมฤทธิ์ นานกว่า 4 ชั่วโมง ว่า ได้สอบถามนายสัมฤทธิ์ ถึงเรื่องที่สหกรณ์ฯคลองจั่นจ่ายเช็คจำนวน 20 ล้าน เข้าบัญชีนายสัมฤทธิ์ โดยตรง และเงินอีกจำนวน 400 ล้าน ที่ปรากฏเอกสารหลักฐาน ที่นายสัมฤทธิ์ กับ นายวัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์ ได้ทำบันทึกข้อตกลง ประกอบการฝากเงินจำนวน 400 ล้านบาท ซึ่ง นายสัมฤทธิ์ ขอกลับไปเตรียมเอกสารมาชี้แจงว่า ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวด้วยเหตุผลอะไร และจะนำมาชี้แจงพนักงานสอบสวน ดีเอสไอในครั้งหน้า

นอกจากนี้ นายสัมฤทธิ์ ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับนายศุภชัย แต่รู้จักเพราะเป็นคนในแวดวงทำธุรกิจ ส่วนเอกสารหลักฐานที่พนักงานสอบสวนมีอยู่ ทั้งเส้นทางเงินที่โอนเข้าบัญชีชื่อนายสัมฤทธิ์โดยตรง พนักงานสอบสวนก็ให้นายสัมฤทธิ์ดู ซึ่งนายสัมฤทธิ์ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแค่ขอเวลา เพื่อนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจง อีกครั้ง

กำลังโหลดความคิดเห็น