ศาลเลื่อนตรวจหลักฐานคดี “ร.ต.ท.เชาวรินธร์” ฉ้อโกงเงินสั่งซื้อปูนซีเมนต์เข้าบัญชีตัวเอง 11 ล้านไป 24 ส.ค.นี้ เหตุอัยการขอเลื่อนเอกสารจำนวนมาก อยู่ระหว่างแปลเป็นภาษาไทย ขณะที่จำเลยถูกคุมขังอยู่เรือนจำคดีโกงสร้างจตุคามรามเทพ
ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (25 พ.ค.) ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีหมายเลขดำ อ.639/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.เชาวรินธร์ หรือเชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ อายุ 69 ปี อดีต รมช.ศึกษาธิการ และอดีต ส.ส.เพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3 14 (1), 17 (1)
คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2558 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2557 เวลากลางวัน บริษัท บี.พี.ซี.เทรดดิ้ง จำกัด (ประเทศกัมพูชา) ได้สั่งซื้อ สินค้าจำพวกปูนซีเมนต์ จากบริษัท ทีพีไอ โพลีน พลับบลิค จำกัด (ประเทศไทย) โดยทำใบสั่งซื้อส่งเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ในลักษณะจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านทาง thong_n@ksc.th.com และเมื่อวันที่ 6 พ.ค.2557 บริษัท ทีพีไอฯ ได้ออกหลักฐานใบสำคัญเก็บเงินค่าสินค้าเป็นจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ชื่อของ “saran.im@gmail.com” แจ้งให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ โอนเงินค่าสินค้าจำนวน 352,781 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทย 11,428,308 บาทผ่านบัญชีเงินฝากของบริษัท ทีพีไอฯ โดยธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
ต่อมาวันที่ 6-9 พ.ค. 2557 ต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดข้อความจริง โดยเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลในหลักฐานใบสำคัญเก็บเงินค่าสินค้าเสียใหม่เป็นว่า ให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ โอนเงินทั้งหมดผ่านเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขารัฐสภา ชื่อบัญชี Thai and Chinese Bhuddist Culturs Association อันเป็นการนำเข้าสู่ระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ทำให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ หลงเชื่อ จึงโอนเงินค่าชำระสินค้าจำนวนดังกล่าวเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทยฯ ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากของจำเลยกับพวก จากนั้นได้ร่วมกันเบิกถอนเงินจำนวนดังกล่าวจากบัญชีไปเป็นของตัวเองโดยทุจริต เหตุเกิดที่แขวงและเขตดุสิต และที่ประเทศกัมพูชา ต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน ต่อมาวันที่ 12 ม.ค. 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมจำเลยได้ โดยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา
โดยวันนี้พนักงานอัยการแถลงต่อศาลขอเลื่อนนัดออกไปก่อนเนื่องจากมีเอกสารสำคัญเกี่ยวกับคดีที่เป็นภาษากัมพูชาจำนวนมาก และจะต้องแปลเป็นภาษาไทยซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการยังไม่แล้วเสร็จ ขณะที่ทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่า ขณะนี้จำเลยถูกพิพากษาจำคุก 1 ปี ในคดีหมายเลขแดง อ.4507/2556 วันนี้ไม่ได้เบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่ากรณีมีเหตุจำเป็นอันทำให้ไม่สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ จึงอนุญาตให้เลื่อนไปนัดตรวจพยานหลักฐานอีกครั้ง วันที่ 24 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น.