จับแก๊งรถสามล้อเครื่องรวมหัวร้านอาหาร-เครื่องประดับจิวเวลรี ลวงนักท่องเที่ยวต่างชาติจากย่านวัดพระแก้ว และวัดโพธิ์ ไปส่งแลกรับผลประโยชน์ ทำให้เสียภาพลักษณ์และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
วันนี้ (21 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อภิชัย ธิอามาตย์ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว (ผบก.ทท.) และตำรวจท่องเที่ยว ร่วมแถลงจับกุมขบวนการฉ้อโกงนักท่องเที่ยวบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่ กทม. เช่น วัดพระแก้ว และวัดโพธิ์ โดยคนร้ายกลุ่มนี้มีพฤติกรรมรบเร้า ชักจูง โดยให้คำแนะนำรวมทั้งข้อมูลที่ผิดไปจากสภาพความเป็นจริงของสังคม เช่น วัดโพธิ์ปิด วัดพระแก้วปิด จะเปิดอีกครั้งในช่วงบ่าย เป็นการทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าใจผิดว่าสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทยและ กทม.ปิดได้อย่างไร อันเป็นการทำให้เสียภาพลักษณ์และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยเสียหาย โดยขบวนการนี้มีความผิดฐานก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่บุคคลอื่นในที่สาธารณะ, กระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง และข้อหาจอดรถในที่ห้ามจอด
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวได้วางแผนจับกุมผู้ต้องหาที่หลอกลวงนักท่องเที่ยวได้จำนวน 22 ราย ถือว่าเป็นกลุ่มที่ทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียงทำลายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพียงเพื่อประโยชน์ของพวกเขากลุ่มเล็กๆ โดยคนร้ายกลุ่มนี้มีพฤติกรรมคือ เมื่อมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพียงลำพัง เช่น มาเที่ยววัดพระแก้วโดยลำพัง ไม่มีทัวร์หรือไกด์พามา เขาก็จะไปพูดหลอกลวง ชักจูง รบเร้า ก่อความวุ่ยวายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยอย่างครั้งนี้จะมีกลุ่มบุคคลยืนอยู่บริเวณประตูมณีนพรัตน์ พระบรมมหาราชวัง และมีผู้ร่วมขบวนการเป็นผู้ขับขี่รถสามล้อ หรือตุ๊กตุ๊ก คอยพูดคุยชักชวนด้วย จากข้อมูลเดิมทั้งจากการร้องเรียนของนักท่องเที่ยวและสายลับที่ลักษณะเหมือนนักท่องเที่ยวที่ส่งไป พบว่าคนร้ายจะชวนพูดคุยพร้อมแสดงข้อมูลเท็จต่อนักท่องเที่ยว เช่น วัดพระแก้วปิด หรือวัดโพธิ์ปิด เนื่องจากมีพิธีการสำคัญของรัฐบาลหรือพิธีทางศาสนา แล้วเชิญชวนนักท่องเที่ยวเหล่านั้นไปที่อื่น โดยเฉพาะร้านเครื่องประดับจิวเวลรีต่างๆ เพื่อหวังผลตอบแทนที่ทางร้านจิวเวลรีเหล่านั้นจะจ่ายให้
“นักท่องเที่ยวได้ร้องเรียนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจท่องเที่ยว แม้กระทั่งรัฐบาล ว่าพวกเขาถูกหลอกลวงเอารัดเอาเปรียบจากชาวไทยกลุ่มนี้ และได้นำข้อมูลเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย และมีการนำไปออกทีวีและหนังสือพิมพ์ของต่างประเทศ สร้างความเสียหายแก่ประเทศไทยอย่างมหาศาล โดยเรื่องนี้ผมได้ให้ พล.ต.ท.ประวุฒิลงไปดำเนินการร่วมกับตำรวจท่องเที่ยว กระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ดังกล่าว” ผบ.ตร.กล่าว และว่า แม้ข้อหาจะไม่รุนแรง ความเสียหายจะไม่มากแต่ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องกำจัดพฤติกรรมเหล่านี้ให้หมดไป เพราะเป็นสิ่งที่สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติมาก
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า พฤติกรรมของคนกลุ่มนี้จะพานักท่องเที่ยวไปยังร้านขายของที่ระลึก ร้านจิวเวลรี ร้านอาหาร และตามร้านตัดเสื้อต่างๆ ร้านเหล่านี้จะให้ค่าคอมมิชชันแก่ผู้ที่พามาค่อนข้างสูง บางร้านสูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ โดยโอกาสนี้ขอประกาศไปยังร้านอาหารหรือร้านค้าต่างๆ เหล่านั้นว่าพฤติกรรมของพวกท่านเช่นนี้ถือว่าเข้าข่ายร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ซึ่งตำรวจกำลังขยายผลอยู่ ดังนั้นขอให้เลิกพฤติกรรมเหล่านี้เสีย
พล.ต.ต.อภิชัยกล่าวว่า ตำรวจได้จับตาคนกลุ่มนี้มาโดยตลอด และได้สืบสวนพฤติการณ์อย่างใกล้ชิด เช่น นักท่องเที่ยวรายล่าสุดชาวสวีเดนเดินทางมาเที่ยววัดพระแก้ว แต่มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งมาชักชวนให้ไปที่ร้านต่างๆ โดยหลอกว่าวันนี้วัดปิด ให้ไปซื้อของดีกว่า กระทั่งตำรวจสามารถสืบสวนจับกุมได้ดังกล่าว อย่างไรก็ดีขอให้ช่วยกันตักเตือนผู้มีพฤติกรรมเหล่านี้ อยากให้เป็นเจ้าบ้านที่ดี หรือหากมีข้อมูลโปรดแจ้งมายังตำรวจท่องเที่ยวได้ทันทีที่หมายเลข 1155 ตลอด 24 ชั่วโมง