รวบหนุ่มแสบอ้างเป็นตำรวจยศ พ.ต.ท. สังกัด สำนักงานตำรวจราชสำนักประจำ ปลอม - ใช้เอกสารราชปลอม อ้างใกล้ชิดสถาบันฯ แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ลวงพระสูญนับล้าน เตรียมขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการ
วันนี้ (17 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร รอง ผบก.ป. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายรวีโรจน์ หรือ โอ๋ พรมนัสพงศ์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 442 ถ.เพชรสมุทร ต.แม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม พร้อมของกลางบัตรข้าราชการตำรวจยศ พ.ต.ท. ปลอม ระบุสังกัดสำนักงานตำรวจราชสำนักประจำ บัตรสำนักราชเลขานุการ สำนักพระราชวัง และ เครื่องแบบข้าราชการตำรวจยศ พ.ต.ท. เสื้อโปโลติดตราสำนักพระราชวัง วิทยุสื่อสาร บัตรผ่านเข้า - ออกเขตพระราชฐาน ซึ่งเป็นบัตรที่ผู้ต้องหาทำขึ้นเอง และรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู รุ่นเอ็กซ์ 3 สีน้ำเงิน ทะเบียน 1 กฬ 7867 กทม.และรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้าคัมรี่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ฆข 1176 กทม. ติดเสาอากาศและสติกเกอร์เครื่องหมาย ภปร. โดยจับกุมตัวได้ทีหมู่บ้านนภา ซ.บ้านลุงพงษ์ ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากตำรวจกองปรามปรามได้รับการร้องทุกข์จากผู้เสียหาย ว่า ผู้ต้องหารายนี้แอบอ้างสถาบันฯ เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ และยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายอีกหลายคดี ขณะเดียวกัน ก็เป็นคดีที่น่าสนใจ เพราะมีการอ้างตัวเป็นตำรวจยศ พ.ต.ท. สังกัดสำนักงานตำรวจราชสำนักประจำ ได้กระทำการโดยมิบังควร ไปหลอกลวงประชาชนตลอดจนพระสงฆ์ว่าสามารถติดต่อ หรือ ดำเนินการ กราบบังคมทูลเชิญเจ้านาย ให้ไปทำบุญ หรือประกอบพิธี หรือเสด็จพระราชดำเนินไปประกอบพิธีตามวัดต่างๆ โดยมีการเรียกรับผลประโยชน์ กระทั่งมีการสืบสวนจนสามารถจับกุมนายรวีโรจน์ ตรวจค้นในบ้านพักย่านปทุมธานี พบหลักฐาน บัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจปลอม บัตรผ่านเข้า - ออก เขตพระราชฐาน สติกเกอร์กรมราชองครักษ์ ซึ่งบัตรและเครื่องหมายเหล่านี้ นายรวีโรจน์ เป็นผู้ทำขึ้นมาเองเพื่ออวดอ้างหรือแอบอ้าง
“พฤติกรรมของ นายรวีโรจน์ ถือเป็นการกระทำที่ไม่บังควร ทำให้เสื่อมเสียถึงสถาบันเบื้องสูง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญและเน้นย้ำ เพราะการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ เป็นสิ่งที่ข้าราชการตำรวจทุกนายต้องกระทำ ต้องปฏิบัติ เมื่อมีเหตุเช่นนี้เกิดขึ้นทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ทั้งที่ทุกๆ พระองค์ท่านไม่มีส่วนรับรู้กับการกระทำที่อันไม่บังควรของ นายรวีโรจน์ ส่วนมูลค่าความเสียหายจากสอบถามผู้เสียหายหลายราย ระบุว่า สูญเงินไปนับสิบล้าน แต่นายรวีโรจน์ อ้างว่าได้เงินมาเพียง 2 - 3 ล้าน ซึ่งตรงนี้ตำรวจไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาอยู่แล้ว จะต้องมีการพิสูจน์ทราบ รวมทั้งขยายผลว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีกหรือไม่ แต่ในชั้นนี้สามารถจับกุมนายวิโรจน์ได้เพียงคนเดียว” ผบ.ตร.ระบุ
ด้าน พ.ต.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า หลังจากได้รับการร้องทุกข์จากเจ้าอาวาสวัดตโปทาราม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ว่า ได้ถูกผู้ต้องหารายนี้แอบอ้างสถาบันฯ หลอกลวงสูญเงินไปหลายล้านบาท โดยพฤติการณ์ผู้ต้องหาได้ติดต่อกับเจ้าอาวาส โดยอ้างว่าเป็นนายตำรวจราชสำนักประจำ พร้อมกับอ้างว่าได้ถวายงานใกล้ชิดกับเจ้านายหลายพระองค์ สามารถกราบทูลเชิญ เจ้านายมาทำบุญที่วัดได้ ทางเจ้าอาวาสหลงเชื่อ ได้ให้เงินกับ นายรวีโรจน์ ที่อ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการในหลายๆ เรื่อง ไปหลายครั้ง เป็นเงินจำนวนหลายล้านบาท นอกจากนี้ นายรวีโรจน์ ยังได้นำรูปการประชุมของมหาเถรสมาคม อ้างว่าสามารถขอเลื่อนสมณศักดิ์ให้กับพระได้โดยวิธีพิเศษ โดยขอเงินค่าดำเนินการ อ้างว่าจะนำเงินไปซื้อโทรศัพท์ ไอโฟนถวายกับกรรมการมหาเถรสมาคม สำหรับการสืบสวนติดตาม นายรวิโรจน์ ทำได้ยากลำบาก เพราะมีการย้ายที่อยู่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ไปเรื่อยๆ เพราะรู้ว่าตนเองมีหมายจับติดตัวอยู่หลายหมาย แต่ยังมีพฤติการณ์หลอกลวงอยู่ตลอด จนตำรวจสืบทราบว่าล่าสุด นายรวิโรจน์ หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านนภา ย่านปทุมธานี จึงได้ทำการเข้าจับกุมตัวได้ พบว่าผู้ต้องหาได้นำรถเก๋งยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู และโตโยต้า รุ่นคัมรี่ ของบุคคลอื่นมาติดเครื่องหมาย ภปร. ติดสัญญาณไฟ และเสาวิทยุ เพื่อหลอกลวงผู้อื่นให้หลงเชื่อว่าตนเองเป็นตำรวจจริง นอกจากนี้ได้นำตัวไปตรวจค้นบ้านพัก นายรวีโรจน์ ที่หมู่บ้านสินธานี 1 ย่านนวมินทร์ พบของกลางดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ สำหรับคดีนี้มีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์แล้ว จำนวน 4 ราย มูลค่าความเสียหายกว่าสิบล้านบาท
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยระบุว่าตนเองไม่มีอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง ที่ก่อเหตุเพราะได้แนวคิดมาจากภาพยนตร์ โดยทำมาแล้ว 2 ปี ได้เงินมา 2 - 3 ล้านบาท สำหรับบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจเพื่อนชื่อ นายบอย ที่เคยต้องโทษจำคุกเป็นผู้ทำให้ ส่วนบัตรผ่านเข้า - ออก และสติกเกอร์ตราครุฑได้ทำขึ้นเอง ส่วนเครื่องหมายและตราสัญลักษณ์บางส่วนได้ไปซื้อตามร้านขายเครื่องหมาย ขณะที่รถยนต์ของกลางได้ยืมมาจากเพื่อนชื่อนายแจ็ค ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่านายรวิโรจน์ มีหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ 58 /2556 ลงวันที่ 26 ม.ค. 2556 คดีจัดหาคนงานไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือส่งไปฝึกงานต่างประเทศ โดยการหลอกลวงนั้นได้มาซึ่งมรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด จากผู้ถูกหลอกลวงและฉ้อโกง ท้องที่ สภ.เมืองอุดรธานี หมายจับศาลแขวงชลบุรี ที่ 69/2557 ลงวันที่ 30 เม.ย. 2557 ข้อหายักยอกทรัพย์ รถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นมิวเซเว่นของวัดตโปทาราม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ท้องที่สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และหมายจับของศาลอาญาที่ 632/2549 ลงวันที่ 9 ก.พ. 2549 ข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน ท้องที่สน.ดอนเมือง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม มีวิทยุคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่เคยถูกผู้ต้องหารายนี้ ฉ้อโกง ให้มาร้องทุกข์ได้ที่ กก.2 กองบังคับการปราบปราม