ศาลอุทธรณ์แก้โทษให้จำคุก 1 ปีโดยไม่รอลงอาญา “ป้าเสื้อแดง” หมิ่นเบื้องสูง เตะพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ศูนย์ราชการฯ ปี 55 ชี้ขณะกระทำผิดจำเลยยังสามารถบังคับตัวเองได้บ้าง และให้รายงานการบำบัดรักษาจำเลยทุก 6 เดือน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (12 พ.ค.) ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.4809/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางฐิตินันท์ แก้วจันทรานนท์ อายุ 65 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2555 นางฐิตินันท์กระทำการมิบังควรต่อพระบรมฉายาลักษณ์ หน้าศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ ด้วยการเหยียบพระบรมฉายาลักษณ์ระหว่างที่รอฟังการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญที่จะออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคำร้องร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ จำเลยให้การรับสารภาพว่าขณะกระทำผิดมีความบกพร่องทางจิต
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2557 ว่าขณะกระทำความผิดจำเลยยังสามารถรู้สึกผิดชอบอยู่บ้าง ให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี แต่จำเลยรับสารภาพลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี และไม่เคยต้องโทษคดีอาญามาก่อน จึงให้โอกาสบำบัดรักษาอาการจิตฟั่นเฟือนเพื่อประโยชน์ต่อตัวจำเลยและสังคม ดังนั้นโทษจำคุกจึงให้รอลงการลงโทษเป็นเวลา 3 ปี และให้พบแพทย์เพื่อรักษาอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะหาย
ต่อมาอัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ โดยขอให้ศาลพิจารณาลงโทษจำเลยไม่รอการลงโทษ
ในวันนี้เมื่อถึงเวลานัด นางฐิตินันท์ จำเลยได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมด้วยญาติ โดยนางฐิตินันท์มีท่าทางเงียบสงบเรียบเฉย ไม่แสดงอาการผิดปกติทางจิตแต่อย่างใด ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่าพฤติการณ์แห่งคดีของจำเลยมีความร้ายแรง เพื่อไม่ให้การกระทำเป็นเยี่ยงอย่าง อีกทั้งขณะกระทำผิดจำเลยยังสามารถบังคับตัวเองได้บ้าง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังขึ้น พิพากษาแก้ ให้จำคุก 1 ปีโดยไม่รอการลงโทษ และให้รายงานการบำบัดรักษาจำเลยทุก 6 เดือนต่อพนักงานคุมประพฤติเป็นเวลา 2 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษา นายฐิตินันท์ก็ยังคงมีอาการและใบหน้าเรียบเฉยตามปกติ
ต่อมา ญาติของนางฐิตินันท์ แก้วจันทรานนท์ อายุ 65 ปี จำเลยในคดีหมิ่นเบื้องสูง กระทำการมิบังควรต่อพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เดิมเป็นเงินสดขอปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างฎีกาสู้คดี
ทั้งนี้ศาลได้พิจารณาคำร้องพร้อมหลักทรัพย์แล้วเห็นว่า จำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณามาตลอด และปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีอาการป่วยทางจิตตามความเห็นแพทย์ และไม่มีพฤติการณ์ที่จะหลบหนี นอกจากนี้ นายประกันก็เป็นบุตรชายของจำเลยเอง เชื่อว่าจะส่งตัวจำเลยได้ตามคำสั่งศาล จึงเห็นควรอนุญาตปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างฎีกา ตีราคาประกัน 3 แสนบาท โดยห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล