xs
xsm
sm
md
lg

ป.รวบ “จ่าเล็ก” มือปืนลำดับ 4 ของภาค 7

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


กองปราบฯ รวบ “จ่าเล็ก” มือปืนลำดับ 4 ของตำรวจภูธรภาค 7 มีรางวัลนำจับ 1 แสนบาท หลังก่อคดีฆ่าใน จ.ชัยนาท เผยเคยถูกจับคดียิงน้องชาย นายก อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปี 50 ทั้งนี้ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จึงแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

วันนี้ ( 5 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป.สั่งการ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชัยภูมิ อำนวยชัย และ พ.ต.ท.วีระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผกก.5 บก.ป. ให้นำกำลังจับกุม นายชนสรณ์ หรืออำนาจ หรือจ่าเล็ก ยะหอม อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/1 ม.8 ต.เขาล้าน อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชัยนาท ที่ จ.304/2550 ลงวันที่ 3 ธ.ค. 2550 ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บ้านเลขที่ดังกล่าว

พ.ต.อ.ภูมินทร์กล่าวว่า สืบเนื่องจากนายชนสรณ์ หรือที่รู้จักกันดีในวงการมือปืนรับจ้างในชื่อ “จ่าเล็ก” เป็นผู้ต้องหาในคดีพยายามฆ่า โดยใช้อาวุธปืนก่อเหตุใน สภ.เมืองชัยนาท และหลังก่อเหตุได้หลบหนีการจับกุม จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าผู้ต้องหาได้หนีไปกบดานอยู่ที่บ้านพักใน ต.เขาล้าน อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงนำกำลังเข้าจับกุมดังกล่าว

จากการสอบสวนนายชนสรณ์ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุในพื้นที่ จ.ชัยนาท แต่ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง โดยก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้ต้องหารายสำคัญตามในปฏิทินหมายจับของตำรวจภูธรภาค 7 ลำดับที่ 4 มีรางวัลนำจับ 1 แสนบาท และเคยถูกดำเนินคดีมาแล้ว 2 ครั้ง ในคดีใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงนายเจริญพงษ์ ลิ้มอนุรักษ์ น้องชายนายทรงเกียรติ ลิ้มอนุรักษ์ นายก อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเหตุเกิดที่บริเวณถนนเพชรเกษม ม.2 ต.ช้างแรก อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2550 และก่อนหน้านี้ยังเคยถูกหมายจับของศาล จ.ราชบุรีที่ จ.288/2550 ลงวันที่ 3 ธ.ค. 2550 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หลังจากใช้อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ขนาด .22 นายดำไม่ทราบนามสกุล สาเหตุจากเรื่องชู้สาว จนถูกอายัดตัวเพื่อดำเนินคดีในพื้นที่ จ.ราชบุรี นายชนสรณ์กล่าวต่อว่า ตนเปลี่ยนชื่อเพราะมีพระรูปหนึ่งแนะนำว่าชื่อเดิมไม่ถูกกับดวงวันเกิดทำให้เกิดเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลบ่อย ไม่ได้เปลี่ยนเพื่อหนีความผิดแต่อย่างใด

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเนื่องจากมีพยานหลักฐานยืนยันชัดเจน จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยนาท ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น