“สมยศ” แจงกรณีตำรวจหญิงหน้าห้องถูกสามี ตร.สังหารโหด จบชีวิตเพราะความเข้าใจผิด น้อยเนื้อต่ำใจเรื่องการขอโยกย้ายสังกัด ทั้งนี้ ไม่ใช่หน้าที่ ผบ.ตร. ชี้ฝ่ายชายเป็นคนไม่มีวินัย และมีอารมณ์รุนแรง ปัดปมชู้สาว ยันไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับ ตร.หญิง
วันนี้ (26 เม.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงข่าวกรณี ส.ต.อ.หญิงณปภัช นวลเอียด อายุ 29 ปี ผบ.หมู่ฝอ.บก.สอ.บช.ตชด.ปฏิบัติหน้าที่สำนักงาน ผบ.ตร. ที่ถูก ส.ต.อ.ณัตฐพงศ์ นวลเอียด สามี สังหารเสียชีวิตคาห้องพักภายในแฟลตตำรวจ ย่านทุ่งสองห้อง โดย พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเชื่อว่าคงมีคำถามตามมามากมาย เพื่อให้เป็นที่กระจ่างตนจึงออกมาพูดเรื่องนี้ด้วยตนเอง สำหรับ ส.ต.อ.ณัตฐพงศ์ ถูกส่งตัวมาทำหน้าที่ชุดติดตามตนเองขณะดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ประมาณ 6 เดือน ก็ถูกส่งตัวกลับต้นสังกัด เนื่องจาก ส.ต.อ.ณัตฐพงศ์ ประพฤติตนไม่เหมาะสม ไม่มีวินัย และมีอารมณ์รุนแรง ทีมนายตำรวจติดตามมองว่าหากให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจะส่งผลกระทบต่อตำแหน่งหน้าที่ของตน วันที่ส่งตัวกลับตนก็ได้เรียกตัว ส.ต.อ.ณัตฐพงศ์ มาพูดคุย ได้สอบถามว่า โกรธหรือไม่ที่นายส่งตัวกลับ ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าไม่โกรธเข้าใจดี รู้ตัวว่าเป็นความผิดของเขาที่ทำตัวไม่ดี ไม่เหมาะสม ทั้งนี้ ระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ ส.ต.อ.ณัตฐพงศ์ ได้ขอให้ตนช่วยย้ายบิดาจาก ตชด.มาสังกัด บกภ.จว.สมุทรสงคราม ตนก็ดำเนินการให้ จากนั้นก็มาขอให้ตนช่วยย้ายภรรยา คือ ส.ต.อ.หญิง ณปภัช จาก ตชด.ให้มาช่วยราชการที่สำนักงาน ตนก็ดำเนินการให้อีก เพราะมองว่าสามีภรรยาหากได้อยู่ด้วยกันก็เป็นเรื่องที่ดี ประหยัดค่าใช้จ่าย โดยให้นายเวรเป็นผู้ดำเนินการ เพราะที่ผ่านมา ตนก็ไม่ได้ลงไปดูแล หรือสุงสิงกับผู้ใต้บังคับบัญชาภายในสำนักงานมากนัก เนื่องจากมีภารกิจมากมาย จึงให้นายเวรเป็นผู้ดำเนินการเรื่องต่างๆ ภายในสำนักงานทั้งหมด
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตนได้รับรายงานจากนายตำรวจติดตามว่า มีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับ ส.ต.อ.หญิงณปภัช เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ก็รู้สึกตกใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่หลังได้รับทราบตนเอง และคนใกล้ชิดรู้ทันทีเลยว่าจะต้องเป็นการกระทำของ ส.ต.อ.ณัตฐพงศ์ อย่างแน่นอน และเป็นห่วงว่าเขาจะทำอะไรไม่ดีกับตัวเอง เพราะทุกคนในสำนักงานต่างรู้นิสัยเขาดี เพราะเขาเป็นคนขี้โมโห อารมณ์รุนแรง และบ้าระห่ำ ที่สำคัญชอบคิดไปเอง เพ้อฝันไปเอง หลังทราบเรื่องตนก็ได้สอบถามหาสาเหตุจากนายเวร และตำรวจภายในสำนักงาน ก็จะได้รับแจ้งว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ส.ต.อ.หญิงณปภัช ได้มาแจ้งต่อทีมงานว่า ประสงค์จะขอย้ายไป ตำรวจทางหลวง จ.อุทัยธานี และขอให้ช่วยย้าย ส.ต.อ.ณัตฐพงศ์ ด้วย หลังเกิดเรื่องทุกคนก็คิดเหมือนกันว่า สาเหตุสำคัญน่าจะมาจากกรณีที่หลังจากมีการรวบรวมรายชื่อปรากฏว่า มีรายชื่อ ส.ต.อ.หญิงณปภัช แต่ไม่มีรายชื่อ ส.ต.อ.ณัตฐพงศ์ ทำให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ หรือไม่พอใจตน และอาจจะคิดว่า ส.ต.อ.หญิงณปภัช ไม่ให้การช่วยเหลือ
“ผมอยากทำความเข้าใจว่า การโยกย้ายยังไม่เกิดขึ้น เพียงแต่ตำรวจหน้าห้องหวังดีต่อตำรวจที่มาช่วยราชการในสำนักงาน ว่า เมื่อผมเกษียณอายุราชการก็จะสนับสนุนผู้ใต้บังคับบัญชาให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งที่เขาต้องการ เป็นเพียงการสอบถามเฉยๆ แต่ก็ยังไม่ได้มีการพิจารณา และยังไม่ได้มีการส่งเรื่องให้ผมพิจารณา ผมเองไม่เคยรับรู้รับทราบ เป็นการเตรียมการกันเองของนายเวร และตำรวจภายในสำนักงาน ผมไม่เคยบอกให้เขาเตรียมการ ซึ่งรายชื่อตรงนี้เป็นรายชื่อที่ตำรวจภายในสำนักงานมีการเตรียมกัน ไม่เกี่ยวกับผมเลย เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิด เป็นเรื่องที่ ส.ต.อ.ณัตฐพงศ์ ไปคิดเองว่าจะมีการโยกย้าย ส.ต.อ.หญิงณปภัช ได้ย้าย แต่ตัวเองไม่ได้ย้าย อีกอย่างอำนาจการแต่งตั้งโยกย้ายระดับชั้นประทวนเป็นของ ผบช. ไม่ใช่อำนาจผม แต่ถ้าอยากจะสนับสนุนผู้ใต้บังคับบัญชาก็ทำหนังสือไปยัง ผบช.แต่ละหน่วยให้ช่วยสนับสนุน ถ้าเขาให้ก็ได้ ถ้าเขาไม่ให้ก็ได้ แต่จากสอบถามคนใกล้ชิดเหมือนว่า ส.ต.อ.ณัตฐพงศ์ กดดันให้ ส.ต.อ.หญิง ณปภัช มาขอร้องหรือมาขอความช่วยเหลือต่อผู้บังคับบัญชาให้ช่วยย้ายเขาด้วย แต่อย่างที่บอกยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น เขาคิดไปเอง จิตเขาวิตกไปเอง จจึงก่อเหตุเศร้าสลดขึ้น ผมไม่ทราบว่าเขาคิดอะไร” ผบ.ตร. กล่าวและว่า หากเขาเดินมาผม ผมอาจจะช่วยเหลือเขาให้ได้ย้าย เพราะเขาเป็นสามีภรรยาเขาควรได้อยู่ด้วยกัน ทั้งนี้ ทราบจากคนใกล้ชิดว่า เขาเป็นคนใจร้อนขี้โมโห มักทุบตีทำร้าย ส.ต.อ.หญิงณปภัช อยู่เป็นประจำ นี่เป็นอีกเหตุผลที่ตนต้องตัวเขากลับไป เพราะหากมาทะเลาะเบาะแว้งในสำนักงานเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจที่ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 2 คน ต้องมาจบชีวิตเพราะความเข้าใจผิด เพราะความน้อยเนื้อต่ำใจ ส่วนที่มีการใช้มีดปักนามบัตรของตนกับต้นไม้จนทำให้สังคมคิดไปได้ต่างๆ นานา แต่ผมยืนยันว่า มันเป็นอย่างนี้จริงๆ ตนไม่รู้สึกโกรธ เพราะเป็นผู้ใหญ่แต่มองว่าเป็นการทิ้งประเด็นความสงสัยให้แก่สังคมว่าตนไปกลั่นแกล้งรังแก หรือไปขัดขวางอะไรเขา ซึ่งยืนยันว่าไม่มี การแต่งตั้งโยกย้ายยังไม่เกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ตนก็ไม่มีอำนาจ เป็นอำนาจของ ผบช. ตนทำได้เพียงแนะนำผู้ใต้บังคับบัญชาให้พิจารณาเท่านั้น แต่นี่มันยังไม่ถึงเวลา จะมาโทษตนไม่ได้ อีกอย่างด้วยอุปนิสัยของ ส.ต.อ.ณัตฐพงศ์ เป็นคนมีปัญหา จะให้ไปทำงานสัมผัสกับประชาชน โยนปัญหาให้แก่ประชาชนได้อย่างไร เขาอาจจะโกรธ อาจจะน้อยใจ คิดว่าผมจะขัดขวางไม่ให้เขาได้ย้าย เป็นการคิดไปเองทั้งนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ฝ่ายชายอาจจะเข้าใจผิดว่าฝ่ายหญิงมีความสนิทสนมกับ ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ยืนยันว่าตนไม่ได้มีความสนิทสนมส่วนตัวกับ ส.ต.อ.หญิงณปภัช เพียงรู้ว่าเป็นตำรวจที่มาช่วยราชการที่สำนักงาน ที่ผ่านมา ไม่เคยคุยกับ ส.ต.อ.หญิงณปภัช เห็นเป็นคนเงียบๆ ทำหน้าที่ยกน้ำยกอาหารเวลาแขกไปใครมาเท่านั้น ชื่อจริงตนก็เพิ่งรู้ตอนที่เป็นข่าวแล้ว อีกอย่างผู้ใต้บังคับบัญชาหากไม่มีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องงานไม่มีทางได้พูดคุยกับตน เพราะตนภารกิจมากไม่มีเวลาคุย แต่ถ้ามีเรื่องชู้สาวก็ไม่เกี่ยวกับตน ซึ่งตนยืนยันว่า สาเหตุสำคัญน่าจะมาจากเขาโกรธว่าตนไปขัดขวางไม่ให้เขาได้โยกย้ายมากกว่า
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าขำ แต่คนก็มีสิทธิที่จะคิดแบบนั้นได้ แต่ยืนยันว่า ที่ผ่านมาผู้ใต้บังคับบัญชาผู้หญิงจะเข้าห้องทำงานส่วนตัวของผมคนเดียวไม่ได้ ตำรวจหญิงไม่มีสิทธิอยู่ในห้องทำงานกับผมสองต่อสอง ผมถือเรื่องนี้มาโดยตลอด อีกอย่างตำรวจหญิงที่มาช่วยราชการที่สำนักงานจะต้องแต่งงานแล้ว หรือมีคู่สมรสแล้วเท่านั้น เรื่องนี้จะเอาตนไปสาบานที่วัดพระแก้วก็ได้ ยืนยันไม่เคยคิดกับลูกน้องในทางชู้สาว ไม่เคยเอานิสัยสมภารกินไก่วัดมาใช้กับลูกน้อง ผมยืนยันไม่มีเด็ดขาด เรื่องที่จะมาเกี่ยวข้องกับผมขอให้ตัดประเด็นไปได้เลย ผมไม่มีสันดานที่จะไปยุ่ง หรือเกาะแกะกับผู้ใต้บังคับบัญชา” ผบ.ตร. กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการสั่งปิดข่าว ผบ.ตร. กล่าวว่า ตนขอยืนยันไม่ได้เป็นคนสั่งปิดข่าว ตนขอปฏิเสธเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง เพราะตนรู้เรื่องนี้เกือบ 20.00 น. ของวันที่ 24 เม.ย. หลังประชุมผู้บริหาร ตร. เกี่ยวกับประเด็นปฏิรูปตำรวจ และการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ หลังจากนั้น ก็มีประชุมเรื่องประกวดพระต่อ หลังเลิกประชุมนายตำรวจติดตามได้มาแจ้งให้ทราบ ตนจะเอาเวลาที่ไหนไปสั่งให้ปิดข่าว แต่คาดว่าเป็นความหวังดีของผู้ใต้บังคับบัญชาทำไปเองด้วยความประสงค์ดี แต่ยืนยันว่าไม่มีการสั่งให้ปิดข่าวอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากญาติติดใจสงสัยสาเหตุการเสียชีวิต พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า หากทางญาติติดใจการเสียชีวิตก็ได้ยินดีให้มีการตรวจสอบ เพราะญาติของผู้เสียชีวิตจะรู้นิสัยใจคอของเขาดีว่าเป็นอย่างไร ที่สำคัญ รู้ถึงความเป็นอยู่ของทั้ง 2 คนเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ตนคงไม่ได้กำชับอะไรคดีเป็นพิเศษ ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการปกติ ส่วนกรณีที่แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ระบุว่า ยินดีที่จะผ่าชันสูตรศพผู้เสียชีวิตหากญาติร้องขอ ผบ.ตร. กล่าวว่า ตนรู้สึกยินดี และเป็นเรื่องที่ต้องทำเพื่อความมกระจ่าง หากญาติติดใจสงสัยก็ควรที่จะดำเนินการ