“พล.ต.ท.ศรีวราห์” แถลงจับพ่อค้าขายกาแฟโบราณ ฆ่าข่มขืนและชิงทรัพย์สาวใหญ่พนักงานบริษัท ซีพีแรม ย่านลาดกระบัง สารภาพเมาสุรา ล็อกและบีบคอผู้ตายจนหมดสติก่อนลากไปข่มขืนจนสำเร็จความใคร่
วันนี้ (23 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น.3 พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รองผบก. รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.ก้องชาติ เลี้ยงสมทรัพย์ ผกก.สน.ฉลองกรุง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ฉลองกรุง และเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ป. แถลงข่าวจับกุม นายสาธิต จันทร์ทอน หรืออาร์ม อายุ 22 ปี อาชีพขายกาแฟโบราณ อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 17 ต.ลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่นอาช่า สีดำ 1 เครื่อง จับกุมได้ที่ซอยฉลองกรุง 53 (ซอยวัดทิพพาวาส) ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภรรยาของตนโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย, ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนหนึ่งของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
พ.ต.อ.ก้องชาติกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งพบศพนางสำรวย อ่อนน้อม อายุ 48 ปี พนักงานบริษัท ซีพีแรม เสียชีวิตบริเวณเชิงสะพานข้ามคลองลำปลาทิว ซอยฉลองกรุง 54 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กทม. ถูกข่มขืนและถูกรัดคอด้วยเถาวัลย์ หลังผู้ตายเดินทางกลับมาจาก จ.สระบุรี และหายตัวไปเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นตำรวจจึงสืบสวนหาหลักฐานและติดตามจนทราบเบาะแสว่าผู้ลงมือก่อเหตุน่าจะเป็นนายสาธิต จันทร์ทอน หรืออาร์ม ต่อมาจึงได้ประชุมวางแผนก่อนเดินทางไปตรวจสอบบริเวณลานดินข้างร้านอาหารลาบยโส ภายในซอยฉลองกรุง 53 พบนายสาธิตท่าทางมีพิรุธอยู่ข้างร้านอาหารและได้วิ่งหลบหนีไปทางด้านหลังร้านอาหารดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ตามไปก่อนควบคุมตัวได้ จากนั้นจึงตรวจค้นตัวนายสาธิตพบร่องรอยบาดแผลคล้ายถูกเล็บมือข่วนบริเวณลำคอ ใบหน้า และแขน และพบโทรศัพท์มือถือที่หายไปของนางสำรวยซึ่งลูกสาวนางสำรวยระบุว่าด้านหลังโทรศัพท์มีตำหนิคล้ายรอยขูด จึงยืนยันว่าโทรศัพท์ที่พบในตัวนายสาธิตเป็นของผู้ตาย เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบสวนต่อที่ สน.ฉลองกรุง
จากการสอบสวนนายสาธิตให้การรับสารภาพว่า ในวันเกิดเหตุ 18 เม.ย. 2558 เวลาประมาณ 21.00 น. นายสาธิตและนางสำรวยได้เดินเข้ามาที่ปากซอย 54 นายสาธิตเดินนำหน้า ผู้ตายเดินตามเข้ามา เมื่อมาถึงจุดเชิงสะพานผู้ต้องหาได้หยุดเดินและเข้ามาล็อกคอนางสำรวย และผลักลงข้างทาง ก่อนต่อยท้อง บีบคอ และใช้ไม้ตีศีรษะทำให้นางสำรวยหมดสติ ก่อนจะลากนางสำรวยมาข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ จากนั้นได้ลากนางสำรวยที่หมดสติไปเป็นระยะทางประมาณ 10 เมตร เพื่อฆ่าอำพรางคดี โดยใช้เถาวัลย์มัดคอจนเสียชีวิต จากนั้นได้นำหญ้าแห้งที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุปกคลุมศพไว้เพื่อปิดบังซ่อนเร้น และได้รื้อค้นเอาเงินจำนวน 230 บาท และโทรศัพท์ 1 เครื่อง ก่อนหลบหนีไป
ด้านนายสาธิตอ้างว่า ในวันเกิดเหตุตนเมาสุราจนทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ และลงมือข่มขืนผู้ตายก่อนที่จะใช้เถาวัลย์มัดคอผู้ตายเพื่ออำพรางคดี ตนอยากจะขอโทษญาติของผู้ตายกับสิ่งที่กระทำลงไปด้วย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของนายสาธิตพบว่าเคยต้องโทษในคดีเสพยาเสพติดในพื้นที่ สภ.เมืองชลบุรี เมื่อปี 2553 หลังจากแถลงข่าวเสร็จตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ฉลองกรุง นำตัวนายสาธิตไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเพื่อประกอบสำนวนคดีก่อนส่งตัวดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้มอบหมายให้นางนงภรณ์ รุ่งเพชรวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา นำเงินมามอบให้ครอบครัวผู้เสียหายจำนวน 100,000 บาท ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 ที่ให้การคุ้มครองประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อหรือผู้เสียหายที่ถูกกระทำโดยตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง