รวบพระลูกวัดย่านคลองเตยค้า-เสพยาบ้า ทั้งที่มีศูนย์บำบัดในวัด สารภาพเคยติดคุก พ้นโทษเลยมาบวชเพื่อรักษาอาการติดยา แต่ตบะแตกกลับมาเสพพร้อมค้าไปด้วย
เมื่อเวลา 23.00 น. วานนี้ (18 ก.พ.) ที่ กก.สส.บก.น.1 พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพ ผกก.สส.บก.น.1 พ.ต.ท.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผกก.สส.บก.น.1 พร้อมชุดปราบปรามยาเสพติด บก.น.1 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายปรีชา หรือแมว พัฒนะผล อายุ 45 ปี, นายชนะชล เปราะแดง อายุ 21 ปี, นายปกรณ์ อ่อนเฉวียง อายุ 31 ปี, นายบรรเจิด มุขวิลัย อายุ 44 ปี, นายป๊อก นวลละออง อายุ 23 ปี และนายชิงชัย เทียนภูงา อายุ 21 ปี ทั้งหมดเป็นพระลูกวัดแห่งหนึ่งย่านคลองเตย พร้อมของกลางยาบ้า 4 เม็ด เงินสด 1,000 บาท พร้อมอุปกรณ์การเสพ
พ.ต.อ.สถิตย์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.1 ได้รับแจ้งจากสายว่ามีพระลูกวัดแห่งหนึ่งย่านคลองเตยที่ภายในเปิดเป็นศูนย์บำบัดยาเสพติด ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับพระลูกวัดด้วยกัน จึงวางแผนจับกุมโดยให้สายติดต่อล่อซื้อยาบ้า 4 เม็ด ราคา 1,000 บาท ที่กุฏิชั้น 2 ภายในวัด เมื่อถึงเวลานัดหมายพระปรีชา ได้เปิดประตูกุฏินำยาบ้ามาส่งให้ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบพระลูกวัดอีก 5 รูปกำลังมั่วสุมอยู่ในกฏิ จึงเชิญตัวมาตรวจปัสสาวะ ปรากฏว่าเป็นสีม่วงทั้งหมด จึงนิมนต์ไปสึก ทั้งนี้ ขณะเข้าจับกุมมีพระรูปอื่นที่เห็นเจ้าหน้าที่สามารถหลบหนีไปได้ อีกทั้งขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฏินั้นยังพบขวดปัสสาวะวางอยู่ในห้องอีกด้วย เมื่อสอบถามผู้ต้องหารับสารภาพว่าจะพกขวดใส่ปัสสาวะของคนอื่นที่ไม่ได้เสพยาเตรียมไว้ที่ประคดเอวตลอดเวลาเนื่องจากจะมีการสุ่มตรวจประจำทุกเดือน หากถูกเรียกตรวจก็จะเทใส่อุปกรณ์การตรวจได้ทันที
จากการสอบสวนนายปรีชารับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้พวกตนเคยติดยาเสพติด ถูกจับกุมดำเนินคดีเข้าเรือนจำมาแล้ว จนเมื่อ 4 ปีก่อนมาบวชเป็นพระอยู่ที่วัดดังกล่าวเพื่อเข้าบำบัดในศูนย์บำบัดยาเสพติด พร้อมทั้งช่วยงานก่อสร้างในวัดไปด้วย โดยพวกตนเลิกยุ่งกับยาเสพติดมานานแล้ว จนกระทั่งช่วงปีใหม่ที่ผ่านมามีพระกฤษณะพงษ์ ไม่ทราบนามสกุล อายุประมาณ 30-35 ปี ที่บวชด้วยกันเอายาบ้ามาขายให้เม็ดละ 200 บาท จึงหุ้นเงินกันไปซื้อเสพเรื่อยมาเนื่องจากต้องทำงานก่อสร้าง จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่มาถูกจับกุม ส่วนพระกฤษณะพงษ์นั้นหลบหนีไปได้ช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าจับกุม
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายต่อนายปรีชา และแจ้งข้อหาเสพยาเสพติดต่อผู้ต้องหาที่เหลืออีก 5 คน ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป