xs
xsm
sm
md
lg

ศาลสั่งจำคุก 20 ปี “พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์” ฟอกเงินบ่อนพนัน-น้ำมันเถื่อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์  อดีต ผบช.ก.
ศาลสั่งจำคุก 20 ปี “พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์” ผิด พ.ร.บ.ฟอกเงิน บ่อนพนันอาบูบาก้า บ่อนโคลอนเซ่ และส่วยน้ำมันเถื่อน แต่รับสารภาพลดโทษเหลือติดคุก 10 ปี ส่วนลูกน้องอีก 6 รายโดนคุก 10 ปี และ 3 ปี



ที่ห้องเวรชี้ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (17 ก.พ.) ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยคดีฟอกเงิน หมายเลขดำ ฟย.16/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. อายุ 58 ปี, พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรอง ผบช.ก. อายุ 59 ปี, พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีต ผบก.รน. อายุ 55 ปี, นายชอบ ชินนะประภา อายุ 60 ปี, นางปิยพรรณ ชินนะประภา อายุ 56 ปี น้องเขยและน้องสาว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์, นายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช อายุ 57 และนางสวงค์ มุ่งเที่ยง อายุ 54 ปี สองสามีภรรยา ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-7 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3, 5, 7, 60 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4

อัยการโจทก์ยื่นฟ้องระบุพฤติการณ์ความผิดว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 2552 - 11 ก.ค. 2557 เวลากลางวันและเวลากลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งหมดกับ พ.ต.อ.อัครวุฒิ หลิมรัตน์ อดีต ผกก.1 บก.ป. (เสียชีวิตแล้ว) และพวกอีกสองคนที่หลบหนีและยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน โดยจำเลยที่ 1, 2 และ พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี รอง ผกก.6 บก.ป. ได้ร่วมกันกระทำการเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่โดยเรียกรับเงินจากผู้กระทำผิดการพนันออนไลน์ (อาบูบาก้า) ร่วมกับผู้อื่นทำการเปิดบ่อนการพนันโคลอนเซ่ ย่านพระรามเก้า ร่วมกันเรียกรับเงินจากการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในสังกัด บช.ก. ร่วมกันเรียกรับเงินส่วยน้ำมันเถื่อนจากผู้ลักลอบค้าน้ำมันเชื้อเพลิงกลางทะเลในภาคใต้โดยผิดกฎหมาย จากนั้นจำเลยกับพวกได้บังอาจกระทำความผิดฐานฟอกเงิน โดยนำเงินซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนหนึ่งของเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และความผิดเกี่ยวกับการพนันตามกฎหมายว่าด้วยการพนันดังกล่าว อันเป็นความผิดมูลฐานหรือจากการสนับสนุนช่วยเหลือการกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ

โดยจำเลยที่ 1, 4, 5 ได้ร่วมกันฟอกเงินโดยนำเงินสดซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนหนึ่งที่ได้จากการกระทำผิดไปซื้อหรือเปลี่ยนแปลงสภาพเป็นทรัพย์สินเป็นโฉนดที่ดินรวมจำนวน 92 แปลง รวมมูลค่าทั้งสิ้น 223,117,785 บาท อันเป็นการโอน รับโอน หรือเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น และกระทำด้วยประการใดๆเพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดโดยกฎหมาย

นอกจากนี้ จำเลยที่ 1, 6, 7 ได้บังอาจร่วมกันฟอกเงินโดยนำเงินสดที่ได้จากการกระทำผิดไปซื้อโฉนดที่ดินรวมจำนวน 9แปลง รวมมูลค่าทั้งสิ้น 56,462,000 บาท และจำเลยที่ 2 ได้บังอาจร่วมกันฟอกเงินโดยนำเงินสดที่ได้จากการกระทำผิดไปซื้อโฉนดที่ดินรวมจำนวน 11 แปลง รวมมูลค่าทั้งสิ้น 105,400,000 บาท และนำเงินไปฝากเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทยฯ ถนนเฟื่องนคร เลขที่บัญชี 1591057221 ชื่อบัญชีนายทรงพล ทองสิน จำนวน 318,000 บาท

ขณะที่จำเลยที่ 3 ได้บังอาจฟอกเงินที่ได้จากการกระทำผิดไปฝากโอนเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทยฯ สาขาประชานิเวศน์ 1 บัญชีเลขที่ 7373049772 ชื่อบัญชีนายวันมงคล ไพรเถื่อน จำนวน 3,000,000 บาท และฝากโอนเข้าธนาคารกสิกรไทย จำกัดฯ สาขาประชานิเวศน์ 1 หมายเลขบัญชี 7373049667 น.ส.อุบลจุฑา ไพรเถื่อน จำนวนเงิน 3,000,000 บาท เหตุเกิดที่ ต.บางด้วน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ, ต.ท่าทราย ต.บางตลาด ต.คลองเกลือ ต.บางพูด ต.ปากเกร็ด ต.ปลายบาง อ.บางกรวย อ.ตลาดขวัญ อ.ปากเกร็ด อ.เมือง จ.นนทบุรี, ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา, ต.บ้านบ่อ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร, ต.ขี้เหล็ก อ.แม่ริน จ.เชียงใหม่, ต.หลักสาม อ.บ้านแพร้ว จ.สมุทรสาคร, ต.คูขวาง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี, ต.ชอนสารเดช อ.หนองม่วง จ.ลพบุรี และแขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. เกี่ยวพันกัน

โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลยทั้งหมดมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อมาสอบคำให้การจำเลย โดยศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้งเจ็ดฟังจนเข้าใจแล้ว สอบถามว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ปรากฏว่าจำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาไม่ขอต่อสู้คดี

ทั้งนี้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ได้แถลงต่อศาลว่า พวกจำเลยทุกคนยอมสารภาพผิด โดยขณะเกิดเหตุตนเป็นผู้สั่งการให้จำเลยอื่นๆ ปฏิบัติตามคำสั่งทุกประการ เนื่องจากตนเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ทำให้มีความเคารพน่าเชื่อถือ จึงขอให้ศาลเมตตาพวกจำเลยด้วย

อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งหมดกระทำผิดจริงตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3, 5, 7, 60 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 โดย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จำเลยที่ 1 กระทำผิดรวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 10 ปี เป็นจำคุก 20 ปี ส่วนจำเลยที่ 2, 4, 5, 6 และ 7 จำคุกคนละ 10 ปี สำหรับจำเลยที่ 3 พล.ต.ต.บุญสืบ จำคุก 3 ปี จำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจาณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ไว้ 10 ปี ส่วนจำเลยที่ 2, 4, 5, 6 และ 7 เหลือจำคุกคนละ 5 ปี สำหรับ พล.ต.ต.บุญสืบ คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 0 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญาได้มีคำพิพากษา คดีดำ อ.290/2558 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อายุ 58 ปี อดีต ผบช.ก. กับ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อายุ 59 ปี อดีตรอง ผบช.ก. ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 โดยพิพากษาจำคุกคนละ 12 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกคนละ 6 ปี ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท, ดูหมิ่นแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี และองค์รัชทายาท เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และจัดให้มีการเล่นการพนันบ่อนโคลอนเซ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 112 , พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41, 123/1 พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 และเมื่อวันที่ 12 ก.พ. ศาลอาญาได้พิพากษาคดีดำ อ.415/58 ให้จำคุก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ นางสวงค์ มุ่งเทียง และนายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช สามีภรรยา ฐานร่วมกันกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ อีกคนละ 9 เดือน โดยขณะนี้ศาลอาญาได้พิพากษาจำคุก พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์จำนวน 3 คดี รวมจำคุก 16 ปี 9 เดือน

ส่วน พล.ต.ต.โกวิทย์ ศาลพิพากษาแล้วรวม 2 คดี คดีดำที่ อ.290/2558 ที่ร่วมกระทำผิดกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และคดีฟอกเงิน คดีดำที่ ฟย 16/58 รวมจำคุก 11 ปี สำหรับ พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีต ผบก.รน. ศาลพิพากษาคดีนี้เป็นคดีแรกฐานฟอกเงิน คดีดำที่ ฟย 16/2558 จำคุก 1 ปี 6 เดือน ส่วนนางสวงค์ และนายเริงศักดิ์ ศาลได้พิพากษารวม 2 คดีแล้ว คือ คดีดำ อ.415/58 ที่ร่วมกระทำผิดกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ จำคุกคนละ 9 เดือน และคดีฟอกเงิน คดีดำที่ ฟย 16/58 รวมจำคุกคนละ 5 ปี 9 เดือน

สำหรับนางปิยพรรณ และนายชอบ น้องสาวและน้องเขยของของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ศาลอาญาพิพากษานี้เป็นคดีแรกฐานฟอกเงิน คดีดำที่ ฟย 16/58 ให้จำคุกทั้งสองคนละ 5 ปี


กำลังโหลดความคิดเห็น