นักศึกษาสาว มหาลัยชื่อดัง ร้อง “มูลนิธิ ปวีณา” ถูกตำรวจ สน.สายไหมหลอกพาเข้าโรงแรมและพยายามข่มขืน แต่หนีรอดมาได้หวุดหวิด เผยเสียใจตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชน กลับทำผิดกฎหมายเสียเอง
เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (14 ก.พ.) ที่โรงเรียน ปวีณาหงสกุลการบริบาล น.ส.หนูดี (นามสมมติ) อายุ 19 ปี นักศึกษา ชั้นปีที่ 2 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกับ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศ ด.ต. ทำหน้าที่เสมียนเวร สน.สายไหม หลอกพาไปเข้าโรงแรมม่านรูด และพยายามจะข่มขืน แต่ น.ส.หนูดี ขัดขืนจนหนีรอดมาได้ หลังรับเรื่องราวร้องทุกข์ นางปวีณา จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พาผู้เสียเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ทันที
น.ส.หนูดี (นามสมมติ) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา ตนได้รับแจ้งจากแม่เพื่อนที่อยู่ย่านสายไหม ว่า ตอนนี้เพื่อนของตนเสพยาหนัก อยากพาไปรักษา ตนจึงรีบเดินทางมาหา พร้อมกับพากันไปแจ้งความที่ สน.สายไหม เพื่อแจ้งความสมัครใจเข้ารับการบำบัด โดยได้ลงบันทึกประจำวันกับดาบตำรวจนิมิต เสมียนเวร ระหว่างที่พูดคุยกัน นายตำรวจคนดังกล่าวได้ขอเบอร์โทรศัพท์มือถือตน พร้อมทั้งชวนคุย เมื่อทำเรื่องเสร็จ ตนเองจึงได้พาเพื่อนเดินทางกลับบ้าน เพื่อไปเตรียมตัวไปทำการบำบัดต่อ ระหว่างเดินทางดาบตำรวจนิมิต ได้โทรศัพท์เข้ามาแจ้งว่าในบันทึกที่เขียนให้ลงวันที่ผิด ขอให้กลับมาแก้ด้วย โดยบอกว่าให้ตนเดินทางกลับมาที่ สน.สายไหม เพียงคนเดียว ตนจึงรีบนั่งรถ จยย. รับจ้าง กลับมาเพื่อแก้เอกสาร เมื่อแก้เสร็จแล้ว ดาบตำรวจนิมิต ได้อาสาพาไปส่งบ้าน ทั้งๆ ที่เป็นเวลาเข้าเวร ตนได้พยายามปฏิเสธ แต่นายตำรวจคนนั้นอ้างว่าเป็นห่วง ตนเห็นว่าจะมืดค่ำแล้ว ตนจึงยอมขึ้นรถไปด้วยเพราะเห็นว่าเป็นตำรวจคงไม่มีอันตรายอะไร
ระหว่างทางออกจาก สน.สายไหม ดาบตำรวจนิมิต พยายามที่จะเลี้ยวรถลัดเลาะเข้าซอย ตนก็ถามว่ามาผิดทางรึป่าว แต่ได้รับคำก็ตอบว่า เป็นทางลัด อยู่ดีๆ เค้าก็พูดว่าขอเป็นแฟนกับตน ตนจึงขอลงจากรถทันที ดาบตำรวจนิมิต ก็จอดรถสูบบุหรี่ข้างทางและบอกให้หนูใจเย็นๆ เมื่อคุยกันได้สักพักเค้าก็บอกว่าจะขอไปส่งบ้าน แต่ออกรถได้สักพักกลับเลี้ยวเข้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ภายในซอยสายไหม 56 ตนตกใจรีบเปิดประตูจะวิ่งลงจากรถ แต่เค้าก็คว้าแขนตนเอาไว้ พร้อมกับยื้อยุดฉุดกระชากจนเสื้อตนขาด พอหลุดมาได้ก็วิ่งออกมาจากโรงแรม แต่ ดาบตำรวจนิมิต ก็ยังขับรถไล่ตาม พอดีมีรถแท็กซี่ผ่านมาจึงรีบเรียกและกระโดดขึ้นรถจนหนีมาได้ หลังเกิดเหตุตนตกใจมาก ได้เข้าแจ้งความเรื่องที่เกิดขึ้นที่สน.ลาดพร้าว ก่อนตัดสินใจเข้าขอความเป็นธรรมต่อมูลนิธิปวีณาฯ
น.ส.หนูดี (นามสมมติ) กล่าวอีกว่า ภายหลังพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ได้เรียกตนไปพูดคุย ตนจึงเดินทางไปที่โรงพักพร้อมกับพี่สะใภ้และแม่ ทางตำรวจได้เจรจาขอให้ยอมความ โดยมีการนำภาพวงจรปิดจากทางโรงแรมมาเปิดให้ดู ซึ่งเป็นรถของดาบตำรวจนิมิต กำลังเลี้ยวเข้าไปในโรงแรม สักพักก็เห็นตนวิ่งออกมาจากโรงแรม ทางตำรวจได้บอกว่าภาพที่เห็นได้มาจากโรงแรมดังกล่าว ซึ่งเป็นของ กต.ตร. คนหนึ่ง ซึ่งถ้าเค้าจะไม่ให้ก็ได้ จะแจ้งเอาผิดอะไรได้ จากนั้นภรรยาและลูกของดาบตำรวจนิมิต ได้เข้ามาพูดกับตน พร้อมกับร้องห่มร้องไห้ โดยบอกว่าสามีถึงจะเป็นคนไม่ดี ตบตีเมียเป็นประจำ แต่ก็ขอให้เห็นแก่ลูกของเค้าด้วยเถอะ อย่าเอาเรื่องอะไรเลย ซึ่งตนก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง หากปล่อยไว้อาจจะไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีก จึงยืนยันที่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ต่อมาก็มี รอง ผกก. คนหนึ่งเรียกตนไปคุยที่ห้องทำงาน พร้อมกับบอกว่า เรื่องแค่นี้จะทำเป็นเรื่องใหญ่ทำไม เสื้อที่ขาดจะตัวสักกี่บาทกัน จะไปร้องเรียนที่ไหนก็เชิญ ซึ่งทำให้ตนเสียความรู้สึก และเสียใจเป็นมาก เพราะไม่คิดว่าตำรวจที่เป็นที่พึ่งของประชาชนจะเป็นแบบนี้ แล้วประชาชนจะไปพึ่งใครได้
นางปวีณา กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ตำรวจซึ่งเป็นที่พึ่งของประชาชน กลับทำผิดเสียเอง เมื่อรับเรื่องไว้แล้วได้ประสานกับ พ.ต.อ.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผกก.สน.สายไหม ให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและความเป็นธรรมกับผู้เสียหายด้วย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป