กองปราบฯ รับมอบตัว “ติ๊ก รัชดา” หลังก่อคดีฆ่า 3 ศพ ทั้งยิงคู่อริตายคาโต๊ะสนุกเกอร์ ย่านห้วยขวาง ลวงเหยื่อไปฆ่าก่อนทิ้งศพที่ริมถนนสาย กทม.-สุพรรณบุรี ส่วนคดีสุดเหี้ยมฆ่าบีบคอเมียตายคามือที่ จ.เชียงใหม่ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพเป็นผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คดีจริง
วันนี้ (11 ก.พ.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.30 น. พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รักษาการ ผบช.ก. พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รักษาการ ผกก.ปพ.บก.ป.แถลงข่าวกรณีผู้ต้องหาฆ่าผู้อื่น 3 คดีเข้ามอบตัว คือ นายยอดธงชัย ประยูรรัตน์ หรือ “ติ๊ก รัชดา” อายุ 34 ปี อดีตเจ้าของสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านเหม่งจ๋าย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1769/2554 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, หมายจับศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ 230/2555 ลงวันที่ 10 พฤษภาคม 2555 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 482/2557 ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2557 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวว่า สำหรับกรณีการเข้ามอบตัวของผู้ต้องหารายนี้สืบเนื่องจากผู้ต้องหาได้หลบหนีคดีฆ่าและร่วมกันฆ่าผู้อื่น รวม 3 คดี โดยคดีแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2553 ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงนายต่อ (ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล) จนเสียชีวิต เหตุเกิดที่โต๊ะสนุกเกอร์มิกกี้เม้าส์ ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 5 แขวงและเขตห้วยขวาง กทม.ของผู้เสียชีวิต สาเหตุเกิดจากปัญหาทะเลาะวิวาท โดยผู้ต้องหามีปากเสียงกับผู้เสียชีวิตเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกด่าทอถึงบุพการี และมีการพูดโทรศัพท์ท้าทายกันจึงเกิดบันดาลโทสะบุกไปยิงผู้เสียชีวิตถึงโต๊ะสนุ้กดังกล่าว
พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวต่อว่า คดีที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือนเมษายน 2555 ระหว่างที่หลบหนีคดีแรกอยู่นั้น ผู้ต้องหากับพวกได้มีปากเสียงกับนายนพรัตน์ สาริตาวุฒิ ที่ร้านผับคาราฟัน ย่านเหม่งจ๋าย ก่อนจะลวงไปยิงด้วยปืนขนาด 11 มม.รวม 3 นัดแล้วโยนศพทิ้งไว้ริมถนนสาย 304 กรุงเทพฯ-สุพรรณบุรี ต.ตะค่า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี และคดีที่ 3 เมื่อประมาณปลายเดือนธันวาคม 2557 ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุฆ่า น.ส.พลอยปภัส แจ้งเจริญ อายุ 27 ปี แฟนสาว ซึ่งเป็นลูกของนายตำรวจยศ พ.ต.ท.นายหนึ่งที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว เหตุเกิดที่ห้องพักเลขที่ 205 หอพักเอสจีเรสซิเด้นท์ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยผู้ต้องหาอยู่กินกับผู้เสียชีวิตจนมีลูกด้วยกัน 1 คน อายุ 2 ขวบ สาเหตุเพราะหึงหวงจนมีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรงแล้วลงมือบีบคอจนเสียชีวิต ภายหลังก่อเหตุผู้ต้องหาได้หลบหนีไปทำงานที่ร้านแห่งหนึ่งใกล้กับมหาวิทยาลัยชื่อดัง ก่อนจะตัดสินใจเข้ามอบตัวเพื่อต่อสู้คดี หลังจากถูกตำรวจ บก.ป.ติดตามไล่ล่าตัวโดยลงพื้นที่กดดันอย่างหนัก
“ผมอยากจะฝากไปยังพวกมาเฟีย มือปืนหรือผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในลักษณะนี้ ขอให้รีบเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่โดยเร็ว เพราะถึงอย่างไรหากยังคิดหลบหนีไม่ยอมมอบตัว ทางตำรวจ บก.ป.ก็จะออกติดตามไล่ล่า เพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้ทุกรายไม่มีละเว้น” พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าว
ด้านนายยอดธงชัย ผู้ต้องหารายนี้ ให้การว่าสำหรับคดีที่เกิดขึ้นทั้งหมดตนยอมรับว่าได้ลงมือก่อเหตุจริง แต่ก็รู้สึกสำนึกผิดแล้วจึงตัดสินใจเข้ามอบตัวต่อทางตำรวจ บก.ป.เนื่องจากมั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมทางคดี และอยากจะฝากขอโทษไปยังญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายด้วย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร รับไว้ดำเนินคดี ก่อนจะประสานให้ตำรวจ สภ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี และ สภ.เมืองเชียงใหม่ อายัดตัวผู้ต้องหาไว้ดำเนินคดีต่อไป