ตร.เร่งสอบหลังพบ 6 รีสอร์ตสวนผึ้งสร้างฝายขวางลำน้ำ ส่งผลให้ประชาชนนับร้อยครัวเรือนเดือดร้อนจากน้ำแห้งขอด เตรียมเรียกสอบ “สุดาทิพย์” เจ้าของสวนผึ้งรีสอร์ต เผยพบแอบอ้างเบื้องสูงสร้างฝาย
วันนี้ (27 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบรีสอร์ต 6 แห่งในเขต อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ที่ได้รับร้องเรียนว่ามีการสร้างฝายรุกลำห้วย จนชาวบ้านในเขตตำบลสวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งมีหลายหมู่บ้าน ประชาชนนับร้อยครัวเรือนได้รับความเดือดร้อนจากแหล่งน้ำธรรมชาติในลำห้วยบ่อแห้งลง รวมตัวกันนับร้อยคนร้องเรียนยังศูนย์ดำรงธรรม จ.ราชบุรี โดยทางทหารได้อำนวยความสะดวกเป็นการชั่วคราว นำเครื่องสูบน้ำ 6 ตัวช่วยบรรเทาคลายทุกข์ลงไปได้ระดับหนึ่ง ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราม ร่วมกับทหารและผู้ที่เกี่ยวข้องพบว่าต้นเหตุมาจาก สวนผึ้งรีสอร์ทได้เช่าที่ราชพัสดุพร้อมกับสร้างเขื่อนกั้นน้ำปิดขวางลำห้วยบ่อเอาไว้ แต่เจาะเป็นช่องเล็กๆ ด้านบนให้น้ำระบายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ในประเด็นนี้ตำรวจพร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังตรวจสอบว่ามีการทำผิดกฎหมายด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะการก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำทำเกิดการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม สวนผึ้งรีสอร์ทนั้นเป็นของนางสุดาทิพย์ และพ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. โดยก่อนหน้านี้ถูกดำเนินคดีและแจ้งข้อกล่าวหาในหลายความผิด อาทิ รุกป่า แอบอ้างเบื้องสูงไปแล้ว โดยกรณีนี้หากนางสุดาทิพย์ยังถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ เจ้าหน้าที่ก็จะต้องไปสอบปากคำ ทั้งนี้ก่อนนี้ก็ได้แจ้งข้อหาบุกรุกก่อสร้างขวางลำน้ำ ตาม พ.ร.บ.เดินเรือ ต่อนางสุดาทิพย์และสามีแล้ว เป็นการบุกรุกในกรณีเดียวกัน แต่ประเด็นที่กำลังดำเนินการเป็นเรื่องการบุกรุกก่อสร้างขวางลำน้ำแล้วสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน
“นอกจากรีสอร์ตสวนผึ้งแล้วยังมีอีกหลายรีสอร์ตด้วยกันที่กระทำการสร้างเขื่อนกันน้ำเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในรีสอร์ตของตัวเอง เช่น บ้านอ้อมกอดขุนเขา, Amore รีสอร์ท, Star above, แสตมป์รีสอร์ท และสำนักสงฆ์เขาช่องลม สาขา 2 ทั้งหมดนี้ต้องตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้งว่ามีการกระทำผิดทางกฎหมายหรือไม่ หากพบว่าผิดจะดำเนินการตรามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เร่งดำเนินการรื้อถอนเพื่อเปิดปรับทางน้ำบรรเทาความเดือดร้อน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าเจรจากับเจ้าของรีสอร์ตเพื่อสูบน้ำจากบนฝายลงลำห้วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ซึ่งอนาคตจะดำเนินการทุบทำลายสิ่งกีดขวางทางน้ำเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ตามความเหมาะสม และอยู่ในดุลพินิจของผู้เชี่ยวชาญ” พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว
โฆษก ตร.กล่าวว่า ตำรวจได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เอาไว้หมดแล้ว ก่อนหน้านี้ชาวบ้านหลายคนได้ให้การว่าไม่กล้าที่จะร้องเรียนเนื่องจากกลัวเกรงอิทธิพลเพราะมีการแอบอ้างเบื้องสูง หากทำจริงเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้ต้องหาคดีบุกรุกป่า, สร้างฝายคอนกรีตขวางเส้นทางน้ำ และมีการขอเช่าที่จากธนารักษ์แบบผิดๆ และไม่ตรงวัตถุประสงค์ ขยายอาณาเขตจนทำให้ประชาชนเดือดร้อนมาก แต่จะต้องรวบรวมหลักฐานให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง หากมีมูลเพียงพอก็จะเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนรับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้งหนึ่ง โดยใน 2-3 วันจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพื่อดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งข้อหาต่อไป