xs
xsm
sm
md
lg

ป.รวบแล้ว 1 ราย แก๊งอุ้มเกาหลีเรียกค่าไถ่

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป.สอบสวน นายคิม ชึง ชิล ชาวเกาหลีใต้ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีกรรจ์โชกทรัพย์ ลักทรัพย์ และ กักขังหน่วงเหนี่ยว
กองปราบตามรวบแล้ว 1 ราย มาเฟียเกาหลีใต้ร่วมกับตำรวจไทยอุ้มเพื่อนร่วมชาติเรียกค่าไถ่ 2 ล้าน พบวงจรปิดจับภาพตำรวจทีมอุ้มได้ยกทีม

วันนี้ (13 ม.ค.) ที่ กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รักษาการ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.สิรวิชญ์ มหัทธนวิสิทธิ์ และ พ.ต.ต.ภาณุมาศ แสงส่ง สว.กก.1 บก.ป. นำกำลังจับกุม นายคิม ชึง ชิล สัญชาติเกาหลีใต้ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีกรรโชกทรัพย์ ลักทรัพย์ และ กักขังหน่วงเหนี่ยว ได้ที่ย่านพหลโยธิน

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยชุดสืบสวนของกองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาล 5 (กก.สส.บก.น.5) นำโดย พ.ต.ท.คณพัฒน์ พาหุมันโต สว.กก.สส.บก.น.5 เป็นหัวหน้าชุด ได้เข้าตรวจค้นห้องพักที่คอนโดแลคแบก เพลส 222 ซอยปรีดีพนมยงค์ 14 แยก 16 จากการตรวจค้นได้ควบคุมตัวผู้เสียหายทั้ง 3 คน ประกอบด้วย นายมีฮอนลีโด อายุ 33 ปี นายคิมกวางฮุน อายุ 30 ปี และ นายลียองจุน อายุ 29 ปี จากนั้นได้ปล่อยบุคคลทั้ง 3 ให้กับ นายคิมชึงชอล

จากนั้นเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 9 ม.ค. นายคิม ชึง ชอล ได้นำตัวเหยื่อทั้ง 3 คน ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่อ้างว่าเป็นที่ทำการของตำรวจโดยขึ้นไปยังชั้นที่ 2 ของอาคาร พร้อมกับพูดจาข่มขู่ให้ผู้เสียหายให้นำเงินมาไถ่ตัวจำนวน 2 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ต้องถูกตำรวจดำเนินคดี หลังถูกจับกุมในข้อหาความผิดเกี่ยวกับการพนันฟุตบอลออนไลน์ ผู้เสียหายทั้งหมดเกิดความกลัวจึงให้เพื่อนที่ประเทศเกาหลีใต้โอนเงินมาให้จำนวน 7 ล้านวอน หรือราว 2 แสนบาท

ต่อมาเมื่อเวลา 04.00 น. วันเดียวกัน นายคิม ชึง ชอล ได้พาผู้เสียหายทั้งหมดไปยัง เดอะเบท คอนโดฯ ถนนอ่อนนุช ซึ่งเป็นของหนึ่งในผู้เสียหาย จากการรื้อค้นได้เงินสดไปจำนวน 5 แสนบาท และข่มขู่ให้ผู้เสียหายหาเงินมาให้อีก จนกระทั่งเวลาราว 11.00 น. วันเดียวกัน นายคิม ชึง ชอล ได้นำเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท เดินทางพร้อมด้วยผู้เสียหายหนึ่งคนไปยังห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาอ่อนนุช พร้อมกับมอบเงินจำนวนดังกล่าวให้กับชายไทย 1 คน ที่ นายคิม ชึง ชอล บอกว่าเป็นตำรวจที่จ่ายเงินให้เพื่อแลกกับการไม่ต้องถูกดำเนินคดี ก่อนที่จะกลับมายังเดอะเบท คอนโด อีกครั้ง กระทั่งเวลาประมาณ 12.00 น. นายโจว ชอง ชอล ที่ทำหน้าที่เป็นล่ามภาษาเกาหลีให้กับตำรวจชุดจับกุม ได้เดินทางมายังห้องดังกล่าว พร้อมกับข่มขู่ให้นำเงินมาให้ครบ 2 ล้านบาท หากไม่ยอมนำเงินมามอบให้จะให้ตำรวจที่รออยู่ด้านล่างของคอมโดมิเนียมขึ้นมาจับกุม กระทั่งเวลา 14.00 น. นายคิม ได้นำผู้เสียหายทั้ง 3 คน ไปยังห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ เพื่อกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม แต่ นายคิมชึงชอล รู้ตัวก่อนว่าตำรวจกองปราบฯ เริ่มเข้าทำคดีจึงปล่อยตัวผู้เสียหาย และหลบหนีไป

ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานกระทั่งขอศาลออกหมายจับ นายคิม ชึง ชิล และ นายโจว ชอง ชอล กระทั่งตามจับกุม นายคิม ชึง ชิล ดังกล่าว

ด้าน แหล่งข่าวในชุดสืบสวนกองปราบปราม กล่าวว่า จากการสืบสวนในเบื้องต้นพบว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 เป็นการปฏิบัติหน้าที่จริง แต่กลับพบพิรุธหลายประการ เช่น การนำตัว นายโจว ชอง ชอล ซึ่งมีประวัติเป็นมาเฟียเรียกค่าคุ้มครองจากชาวเกาหลีใต้ด้วยกันเองมาเป็นล่าม โดยไม่ใช้ล่ามของ กองการต่างประเทศ สตช. ขณะเดียวกันยังมีการปล่อยตัวกลุ่มชาวเกาหลีใต้ให้ไปกับ นายคิม ชึง ชิล เพื่อไปค้นห้องพักของผู้เสียหายอีกด้วย ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนได้หลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดจากทั้งที่ แลกแบก คอนโด และ เดอะเบท คอนโด มาประกอบแล้ว ซึ่งกล้องสามารถบันทึกภาพตำรวจชุดจับกุมไว้ได้ ขณะอยู่ที่คอนโดทั้งสองแห่ง ขณะเดียวกันกำลังอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบว่าชายไทยที่รับเงินจาก นายคิม ชึง ชิล ไป 1 ล้านบาทนั้น เป็นตำรวจจริงหรือไม่ และมีความเกี่ยวพันกับตำรวจชุดจับกุมหรือไม่อย่างไร

ส่วน พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. กล่าวว่า วันนี้ผู้เสียหายชาวเกาหลีใต้ทั้ง 3 คน ได้เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อให้ปากคำ ถึงรายละเอียดเรื่องการถูกนำตัวไปกักขังหน่วงเหนี่ยวเพื่อเรียกค่าไถ่ โดยละเอียดซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปตามที่เป็นข่าวไปแล้ว ทั้งนี้ จากคำให้การของผู้เสียหายประกอบกับหลักฐานต่างๆ รวมทั้งผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนจะขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายคิมชึงชิล และนายโจวชองชอล ทั้งคู่มีพฤติกรรมเป็นมาเฟียชาวเกาหลีใต้ และข่มขู่คนร่วมชาติเดียวกันเพื่อเรียกค่าคุ้มครอง

พ.ต.อ.ณษ กล่าวต่อว่า ผู้เสียหายยังยืนยันด้วยว่า นายโจว เป็นคนหนึ่งที่ร่วมกับตำรวจชุดจับกุมตรวจค้นภายในห้องพัก โดยทำหน้าที่เป็นล่ามให้กับตำรวจ และมีความสนิทสนมกันด้วย ซึ่งจากการค้นห้องพักตำรวจร่วมกับ นายโจว ได้ยึดเงินสดไปจำนวน 5 แสนบาท จากนั้น นายโจว และนายคิม ยังมีส่วนในการบังคับให้ญาติของผู้เสียหายโอนเงินมาจากประเทศเกาหลีอีก 2 แสนบาทอีกด้วย ก่อนจะนำเงินทั้งหมดไปมอบกับชายไทยคนหนึ่งที่อ้างเป็นตำรวจที่ห้างสรรพสินค้าย่านถนนอ่อนนุช อย่างไรก็ตามการดำเนินคดีกับตำรวจ ฝ่ายสืบสวน บก.น.5 นั้นขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร คงต้องรอให้ได้ตัว นายคิม และนายโจว มาสอบปากคำก่อน ในส่วนของตำรวจขณะนี้เป็นเรื่องการตรวจสอบของผู้บังคับบัญชาในกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดยยังไม่มีการประสานมายัง บก.ป.

นอกจากนี้ พ.ต.อ.จิรภพ พร้อมชุดทำงาน กก.1.บก.ป. ได้ประชุมร่วมกับ พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.3.บก.สส.บช.น. โดยในการประชุมเจ้าหน้าที่ได้แบ่งชุดทำงานกัน โดยทางกองปราบปราม ทำในส่วนการสืบหาพยานและกล้องวงจรปิด รวมทั้งออกหมายจับผู้ต้องหาเพื่อนำมาสอบสวนขยายผล ซึ่งในส่วนของกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อมทางกองปราบได้มาหมดแล้ว ส่วนทาง บช.น. ดำเนินการเรื่องสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้นของสืบสวนนครบาล 5 ว่ามีผู้ใดบ้าง มีพฤติกรรมก่อนเกิดเหตุเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ ทางผู้บังคับบัญชาของ บช.น. ได้สั่งกำชับ ให้ทำคดีอย่างตรงไปตรงมาไม่ต้องเกรงใจ โดยเบื้องต้นทางผู้บังคับบัญชาของ บช.น. ได้สอบถามไปทางชุดจับกุมของ กก.สส.บก.น.5 ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร แต่ทางหัวหน้าชุดได้ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกค่าไถ่มาตลอด ทำให้ผู้ขังคับบัญชาระดับสูงของ บช.น. ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะรู้พฤติกรรมของตำรวจชุดนี้มาตลอดว่าเป็นอย่างไร แต่ที่ผ่านมาหลบมาหลบหลีกมาได้ไม่เคยมีเรื่อง ครั้งนี้ บช.น. จึงสั่งกำชับให้ทำคดีนี้ให้ถึงที่สุด โดยจะประสานข้อมูลกับทางกองปราบปรามตลอดเวลา



นายคิม ชึง ชิล
กำลังโหลดความคิดเห็น