ฝากขัง “ภาดา” ค้านประกันหวั่นหลบหนี

กองปราบคุมตัว “โอ๊ต พราด้า” ยักยอกเงินสถาบันเทคโนฯ ลาดกระบัง ฝากขังครั้งแรก พร้อมค้านประกัน เกรงจะหลบหนี พร้อมส่งชุดสืบสวนประกบตัว “ธวัชชัย” ที่ถูกออกหมายจับรายล่าสุด คาดได้ตัวเร็วๆ นี้

วันนี้ (10 ม.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 08.30 น. พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ควบคุมตัว นายภาดา บัวขาว ฉายา “โอ๊ต ภาดา” หรือ “โอ๊ต พราด้า” ผู้ต้องหาในคดีลักเงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มาสอบสวนเพิ่มเติมที่กองบังคับการปราบปราม โดยใช้เวลาในการสอบสวนประมาณ 1 ชม. ก่อนนำตัวไปยังศาลจังหวัดมีนบุรี เพื่อขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน พร้อมกับคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมูลค่าความเสียหายมีจำนวนมาก เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครยื่นขอประกันตัวนายภาดา แต่อย่างใด

พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสืบสวน เปิดเผยความคืบหน้าคดีว่า ภายหลังจากศาลจังหวัดมีนบุรีออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 คน ชุดสืบสวนสามารถติดตามจับกุมตัวนายภาดา ได้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี ได้เมื่อวานนี้ (9 ม.ค.) ในส่วนของผู้ต้องหาอีกคนคือ นายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ตอนนี้ได้ส่งชุดสืบสวนติดตามประกบตัวแล้ว ซึ่งนายธวัชชัย ยังกบดานอยู่ในประเทศ คาดว่าจะสามารถจับกุมตัวได้ในไม่ช้า

พ.ต.อ.กรไชย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้าชุดสืบสวนเตรียมเข้าตรวจค้นห้องพักของนายภาดา อีก 2 จุด เพื่อหาหลักฐาน และข้อมูลการยักย้ายถ่ายเทเงินของ สจล. ส่วนเรื่องการออกหมายจับขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับใครเพิ่ม ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมอยู่ หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องต่อการลักเงินของสถาบันเทคโนโลยีฯ ลาดกระบัง ก็จะยื่นศาลเพื่อขอออกหมายจับต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รักษาราชการแทน ผกก.1 บก.ป.กล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งตำรวจลงพื้นที่หาข่าวติดตามตัวนายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ผู้ต้องหาอีก 1 คน ที่ถูกออกหมายจับ หลังพบว่าเปิดบัญชีรับโอนเงินต่อ จากนายจริวัฒน์ สหพรอุดมการ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้กว่า 50 ล้านบาท และเชื่อว่า นายธวัชชัย ยังหลบหนีอยู่ภายในประเทศ พร้อมกันนี้ เตรียมออกหมายเรียกบุคคลที่มีรายชื่อของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. มีคำสั่งยึด และอายีดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน กองปราบปราม ประมาณ 20 คน ส่วนนายปกรณ์ ได้ให้การครบถ้วนแล้วไม่จำเป็นต้องเรียกมาสอบปากคำอีก