ถ้าเป็นคอข่าวติดตามกรณีป้ายจอแอลอีดี อื้อฉาว หรือป้ายไฟโฆษณาที่ติดตั้งบนป้อมยามตำรวจจะเห็นได้ว่าสังคมไทยกำลังแตกความคิดไปสองทาง
คือส่วนหนึ่งเห็นชอบกับการปัดกวาดบ้านตัวเองของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. และต้องการให้เดินหน้าสุดตัวหาคนที่ทำความผิดเอาที่หลวงไปทำมาหากินเข้ากระเป๋าตัวเอง หนำซ้ำบางแห่งโกงค่าไฟนานเป็นแรมปี เป็นความอัปยศอีกเรื่องของวงการสีกากีที่อ้างประโยชน์ประชาชนแต่แท้จริงคนที่ได้รับมากที่สุดก็คือนายทุนเจ้าของบริษัทป้ายโฆษณา และบรรดาตำรวจใหญ่จนถึงขั้นใหญ่สุดของกองบัญชาการตำรวจนครบาล
แต่ในอีกทาง เฉพาะกลุ่มคนที่คุ้นเคยกับงานตำรวจ หรือแวดวงตำรวจเองกลับมองว่าการทำหน้าที่ขอ งพล.ต.ท.ศรีวราห์ อย่างเคร่งครัดตรงไปตรงมาอย่างสุดโต่งนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง หรือเหตุผลใดแอบแฝงหรือไม่ เพราะเป็นการย้ายล้างบางแบบไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่ที่รับไม่ได้กันจริงๆ ก็คือ ทุกกองบัญชาการตำรวจภาค 1 - 9 ต่างก็มีเหตุทำนองเดียวกันนี้กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ ป้ายโฆษณาไฟฟ้า หรือป้ายจอแอลอีดี ยังคงอยู่ไม่มีใครหยิบยกมาเล่นงานกันให้วุ่นวายเหมือนใน กทม.
นอกจากนั้น ก็คือ อาการของ น.1 เจ้าของผลงานชิ้นนี้กลับไม่ปรากฏว่าจะตรวจสอบอดีตนายตำรวจใหญ่ หรือว่ากันอย่างตรงไปตรงมาก็คือ “ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล” ในอดีตว่ามีใครเกี่ยวข้องหรือไม่เช่น พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา (ยศขณะนั้น) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้ามีกระแสข่าวมาโดยตลอด
ล่าสุด หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ ออกมาแก้ต่างทำนองว่าการย้ายแบบล้างบางกว่า 200 ตำแหน่งของนครบาลไม่ใช่ความจริง ส่วนการเอาผิด ผกก. ที่เกี่ยวข้องกับป้ายโฆษณาจอแอลอีดี จนถึงกับตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทั้งทางวินัยและอาญา จนถูกย้ายออกนอกหน่วย 64 นาย พล.ต.ท.ศรีวราห์ แสดงความเห็นอย่างแปลกแปร่งว่า “การแต่งตั้งโยกย้ายเที่ยวนี้ไม่ใช่เรื่องป้ายโฆษณาอย่างเดียว บางรายโดนสอบเรื่องป้ายโฆษณาแต่ไม่ย้ายก็มีเพราะต้องดูผลการทำงานที่ผ่านมาด้วย”
แปลไทยเป็นไทย แปลอย่างโลกสวยก็ต้องยกโป้งให้ “บิ๊กปู” เพราะไม่เอาเรื่องป้ายโฆษณามาเป็นอารมณ์ แต่ถ้ามองอย่างคนรอบจัด มองด้วยความหวาดระแวง หรือมองอย่างคนรู้ทันมันมีภาพซ้อนให้เห็นอีกมุมหนึ่งว่าเป็นการสร้างระบบ 2 มาตรฐาน เพราะเมื่อเหมือนนิทานเด็ก “หมาป่ากับลูกแกะ” รับส่วยป้ายโฆษณาเหมือนกันแต่คนหนึ่งโดนเด้งส่วนอีกคนอยู่รอดปลอดภัยเพราะผู้ใหญ่อ้างว่ามีผลงานเป็นตัวฟอกผิด
ยิ่งกว่านั้นผลการสอบสวนที่ทำกันลับๆ ล่อๆ คณะทำงานย้อนกลับไปถึงปีไหน ใครบ้างที่มารับตำแหน่งส่วนหัว เช่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บังคับการ 1 - 9 หากมีความบริสุทธิ์ใจจริง ไม่คิดเพียงเพื่อกลั่นแกล้งใครคนใดคนหนึ่ง พล.ต.ท.ศรีวราห์ จำเป็นต้องกลับไปที่จุดเริ่มต้นของการติดตั้งป้ายโฆษณาไฟฟ้าดังกล่าว เริ่มกันตั้งแต่ปีไหนก็ว่ากันไปในตอนนั้น ถ้าทำจริง เอาจริง ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูกแม้จะมีเสียงคัดค้านจากคนใกล้ชิดหรือวงการเดียวกัน แต่เชื่อเถอะประชาชนส่วนใหญ่เขาต้องเห็นดีเห็นงามด้วย
บนทาง 2 แพร่งระหว่างเดินหน้าต่ออย่างสุดตัวไม่ต้องเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม และอีกทางหนึ่งคือทำเป็นหน้ามึนเล่นงานคนอื่นแต่ปกป้องพรรคพวก...ไม่ว่าเลือกเดินทางไหนก็ล้วนสร้างความหนักอกหนักใจแก่ “บิ๊กปู” ชนิดที่หากย้อนเวลากลับไปได้ก็อาจจะไม่แตะเรื่องนี้ให้มาเหนื่อยกายเหนื่อยใจ...
เหนื่อยที่ธรรมชาติของตำรวจโดยเฉพาะระดับ พ.ต.อ. หรือระดับ ผกก. 64 คนเป็นอย่างน้อย ไม่ใช่กะโหลกกะลาที่ไหนล้วนแต่มีฤทธิ์มีเดช มีเส้นสายโยงใยมากมาย “ศรีวราห์” ที่แน่ๆ มีแรงหนุนเนื่องจากบิ๊กทหารมากมายก็อาจจะเพลี่ยงพล้ำ หรือเสียผู้เสียคนเอาง่ายๆ
นี่ยังไม่รวมระดับนายพลตำรวจ ที่เจ้าพ่อนครบาลออกอาการ “ฝ่อ” ไม่กล้าแตะ
ดังนั้น ถ้าไม่อยากเป็นกิ้งกือตกท่อ ไม่อยากเจออาการขว้างงูไม่พ้นคอจงตัดสินใจเดินหน้าสุดซอย
64 ผกก. จาก 88 สถานีตำรวจนครบาล จะต้องถูกหวยอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง อ้างยกเว้นให้กับพวกมีผลงานซึ่งอันตรายเกินไปเพราะอีกหน่อยอาจจะมีพวกหัวหมออ้างงานเปิดบ่อนเปิดตู้ม้าย้อนศรผู้บังคับบัญชากันง่ายๆ...ที่สุดก็คือการละเว้นตามมาตรา 157 ไม่แฟร์ ไม่โปร่งใสในทุกกรณี
เป็นความจริงอีกประการว่าจะมาอ้างไม่รู้กฎหมาย ไม่เจตนา เห็นคนอื่นก่อนหน้าทำๆ กันเลยทำตาม อย่างนั้นฟังไม่ขึ้นเพราะขนาดประชาชนท่านยังไม่ยอมให้เขาอ้าง คนเป็นตำรวจจะมาลูกไม้นี้ยิ่งฟังไม่ขึ้นยกกำลังสอง นอกจากสอบพบความผิดเบื้องต้นมีการสั่งย้ายไม่ให้ข้องเกี่ยวกับพื้นที่แล้ว
ดาบต่อไปต้องพิจารณาคดีอาญาด้วยทั้งประเด็นทุจริต และลักขโมยไฟฟ้าหลวงเอาไปใช้
ในส่วนของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งจะพิจารณาบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรอง ผบก. - สารวัตร ในวันที่ 7 ม.ค. นี้ ก็สมควรแยกแยะเป็นเรื่องตามความจำเป็นแต่ทุกอย่างต้องยึดระเบียบปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นที่ตั้ง แม้จะมีความรู้สึก “เห็นใจ” แม้จะมีหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรม แต่จงอย่าออกอาการลูบหน้าปะจมูกและด้วยกาลที่ล่วงเลยมากว่า 3 เดือน จนข้ามปีใหม่ การแต่งตั้งตำรวจระดับคีย์แมนต้องรีบสรุปให้ได้ภายในวันสองวันนี้เป็นอย่างช้า หากเนิ่นนานไปผลเสียย่อมตกกับชาวบ้าน ทั้งจากตำรวจเกียร์ว่าง ตำรวจเอาเวลาไปวิ่งเต้น ตำรวจทำแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง พอในหน้าที่กลับทำอย่างเสียไม่ได้...
หวังว่าคงมีใครสักคนใน ก.ตร. ที่จะกล้าลุกขึ้นวิพากษ์วิจารณ์ความสับสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นในยุทธจักรสีกากี ช่วยบอกผู้มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายประเทศนี้ว่าประชาชนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องมิแต่น้อย เป็นเรื่องของพวกท่านเองทั้งนั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดล้วนแต่พวกท่านเป็นผู้นี้กำหนด จึงอย่าผลักภาระความเสียหายจากผลกระทำของท่านให้กระทบประชาชน...โจรชุม...ยาเสพติดระบาด..ปัญหาสังคมรุนแรงขึ้นและอีกสารพัดนั่นเพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใกล้เป็นเป็ดง่อยเข้าไปทุกวันแล้วใช่ไหม...
พวกท่านทำทั้งนั้น ประชาชนไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยเลย